หลายคนคงทราบดีแล้วว่า อันดับการค้นหานั้นมีส่วนสำคัญกับประสิทธิภาพเว็บไซต์ ยิ่งอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ใน Google สูงเท่าไหร่ ยิ่งมีจำนวนคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Search Engine จะจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณอันดับที่สูง ถ้าหากสอดคล้องกับ Keyword โดยการตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO คุณสามารถหาจุดบอดต่างๆที่ทำให้อันดับเว็บไซต์ของคุณน้อยลงได้
การตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO คืออะไร
การตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO หรือ SEO Audit คือ วิธีการประเมินปัจจัยต่างๆที่มีผลกับอันดับการค้นหาของเว็บไซต์อย่างเป็นระบบ
โดย Search Engine จะใช้หลายร้อยปัจจัยในการจัดอันดับ ซึ่งที่แต่ละวิธีก็มีผลกับอันดับเว็บไซต์
ในระหว่างการตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO คุณสามารถวิเคราะห์ปัจจัยการจัดอันดับต่างๆในเว็บไซต์ของคุณเช่นเดียวกับนอกเว็บไซต์ของคุณ เพื่อหาว่าควรต้องปรับปรุงอย่างไรบ้าง
แท็กชื่อเรื่องและคำอธิบายเนื้อหาอย่างย่อ

แท็กชื่อเรื่องคือสิ่งที่มีผลกับการจัดอันดับอย่างมาก เป็นรองแค่เพียงเนื้อหาเท่านั้นโดยแท็กชื่อเรื่องนั้นเป็นส่วนประกอบของ HTML และต้องสอดคล้องกับชื่อของหน้าเว็บ
ปกติแล้ว Search Engine จะใช้แท็กชื่อเรื่องในการสร้างหัวเรื่องในการเรียงลำดับทั่วไป (Organic Listing) ของเว็บเพจ และคำอธิบายเนื้อหาอย่างย่อก็ถูกใช้เพื่อสร้างคำอธิบายที่ยาวขึ้นในการเรียงลำดับทั่วไปของเว็บเพจ
การใช้ Keyword
Keyword ที่ใช้ควรถูกใช้ในเนื้อหาของเพจด้วย ถ้าเพจไม่ได้พูดถึง Keyword จะส่งผลให้ Search Engine จะถือว่ามันไม่เกี่ยวกับ Keyword ตัวนั้น ผลคือเพจจะมีอันดับต่ำหรือไม่ถูกจัดอันดับเลยสำหรับ Keyword ตัวนั้น
อีกอย่างหนึ่ง คุณไม่ควรใส่ Keyword ลงไปในเนื้อหาเพจมากเกินไป ควรใส่มันอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อให้เพจนั้นน่าอ่านและมีผู้อ่านเพิ่มขึ้น
การเข้าถึงเว็บไซต์ได้จากโทรศัพท์มือถือ
มากกว่า 60 เปอร์เซนต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมาจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือประเภทอื่นๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกเว็บไซต์ไม่ได้เข้าถึงได้จากมือถือ ถ้าหน้าเว็บของคุณมีมาตราส่วนคงที่ มันอาจจะไม่สามารถเรนเดอร์ได้อย่างปกติเมื่ออยู่บนโทรศัพท์มือถือ เว็บไซต์ของคุณจะยังมีอันดับที่สูงในการค้นหาจากคอมพิวเตอร์ แต่ Search Engine จะวางเว็บคุณไว้ใต้เว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าจากโทรศัพท์มือถือ
ความเร็วการโหลดหน้าเว็บ

ความเร็วเป็นส่วนสำคัญต่อปริมาณคนเข้าเว็บไซต์ของคุณ กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้คาดหวังว่าเว็บไซต์ของคุณจะโหลดเสร็จภายใน 2 วินาที ดังนั้นเสิร์ชเอนจิ้นใช้สิ่งนี้จัดอันดับเช่นกัน
โดย Google ได้ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่โหลดได้เร็วบนคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปี 2010 และเริ่มทำบนมือถือในปี 2018
มีหลายเครื่องมือที่ช่วยในการวัดความเร็วของเว็บไซต์คุณ หนึ่งในนั้นคือ PageSpeedInsights ของ Google วิธีใช้คือการเข้าไปที่ developers.google.com/speed/pagespeed/insights
โดยที่ Google จะให้คะแนนความเร็วจาก 0 ถึง 100 ยิ่งมีคะแนนสูง หมายความว่ายิ่งโหลดได้เร็ว ซึ่งจะทำให้อันดับของเว็บไซต์คุณดีขึ้นด้วย
เนื้อหาซ้ำซ้อน
ในการตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO คุณควรตรวจสอบเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกันในเว็บไซต์
ถ้าจะให้ดี เนื้อหาส่วนมาก หรือทั้งหมดควรเป็นเนื้อหาที่ไม่ซ้ำกัน
วิธีเช็คสามารถทำได้ด้วย Siteliner ที่ siteliner.com จะสแกนเว็บไซต์หาเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกันให้คุณ ถ้า Siteliner หาพบเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกัน มันจะบอกว่ามีหน้าไหนบ้าง และบอกว่ามีคำที่เหมือนหรือซ้ำซ้อนกันที่ไหน
การทำ Backlink

Backlink จะแสดงถึงความนิยมของเว็บไซต์คุณ เมื่อมีเว็บต่างๆอยากเชื่อมเข้ากับเว็บคุณ Search Engine จะมองว่าเป็นเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ
เราสามารถตรวจสอบ Backlink ได้หลายวิธี เช่น Moz’s Site Explorer, SEMrush หรือ Ahrefs แต่อย่าลืมว่า คุณภาพของ Backlink สำคัญกว่าจำนวนลิงก์ ถ้าเรามี Backlink ที่เป็นเว็บไซต์ยอดนิยม ก็ย่อมดีกว่ามี Backlink เป็นบล็อกที่ไม่รู้จักหรือไม่มีคนเข้า
การทำลิงก์ภายใน
นอกจาก Backlink แล้ว ลิงก์ภายในก็สำคัญ เพราะทำหน้าที่พาผู้เยี่ยมชมเข้าสู่ส่วนอื่นๆของเว็บไซต์ และทำให้ Search Engine หาสิ่งต่างๆในเว็บไซต์คุณได้ทั่วถึงอีกด้วย
แน่นอนว่าในการทำการตรวจสอบประสิทธิภาพ SEO นั้น เราควรวิเคราะห์ลิงก์ภายในด้วยเช่นกัน Google Search Console สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับลิงก์ภายในได้เช่นกัน ถ้าคุณได้เพิ่มเว็บไซต์เข้า Google Search Console ไปแล้ว คุณสามารถดูได้ว่ามีลิงก์ภายในอยู่เท่าไหร่และลิงก์เหล่านั้นอยู่ที่ไหนโดยการคลิกที่แถบ “Links”
ดังนั้น กลยุทธ์ SEO เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ที่น่าพึ่งพอใจในการจัดอันดับบน SERP