ช่องทางการตลาด 2025 ที่ธุรกิจในประเทศไทยไม่ควรมองข้าม

7 ช่องทางการตลาด 2025 ประเทศไทย

Table of Contents

ช่องทางการตลาด 2025 ที่ยังได้ผลดีในประเทศไทย

ช่องทางการตลาด สำหรับปี 2025 กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจทุกขนาดไม่ควรมองข้าม เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่หลากหลายยิ่งขึ้น การเลือกช่องทางที่เหมาะสมจึงไม่ใช่เรื่องของเทรนด์เท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของกิจการ SME นักการตลาดสำหรับองค์กร หรือผู้ประกอบการรายใหม่ การเข้าใจและเลือกใช้ช่องทางการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและวางรากฐานสู่ความยั่งยืน

บทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 7 ช่องทางการตลาดที่สำคัญที่สุดในประเทศไทยปี 2025 พร้อมตัวอย่างการใช้งาน แนวทางเลือกใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ และเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที

I. ช่องทางการตลาด: ภาพรวมระหว่างสื่อดิจิทัล vs สื่อดั้งเดิม

ก่อนที่เราจะลงลึกไปถึงกลยุทธ์หรือแพลตฟอร์มเฉพาะใด ๆ ขอลอง “ซูมออก” สักนิด เพื่อมองภาพกว้างว่าการตลาดในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงมาอย่างไร และวันนี้อยู่ตรงไหน

ช่วงอดีต สื่อดั้งเดิมคือเครื่องมือหลักของแบรนด์ทุกขนาด โฆษณาทางโทรทัศน์ช่วงไพรม์ไทม์ ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ทั่วกรุงเทพฯ เสียงโฆษณาติดหูตามรายการวิทยุ — เหล่านี้คือภาพจำของการตลาดในยุคที่ต้องการเข้าถึงผู้คนจำนวนมากและในบางบริบท โดยเฉพาะกับแคมเปญระดับชาติหรือพื้นที่ห่างไกล สื่อแบบดั้งเดิมยังคงมีบทบาทอยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ — และรวดเร็ว

ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ “เชื่อมต่อดิจิทัล” มากที่สุดในเอเชีย ข้อมูลล่าสุดระบุว่า กว่า 88% ของประชากรใช้งานอินเทอร์เน็ต และมากกว่า 70% ใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นประจำ ไม่ใช่แค่กลุ่มวัยรุ่นบน TikTok หรือ Gen Z บน Instagram แต่รวมถึงพนักงานออฟฟิศ เจ้าของธุรกิจรายย่อย และแม้กระทั่งผู้สูงอายุ ที่ใช้ LINE เพื่อสื่อสาร ทำธุรกรรม และช้อปปิ้ง

การใช้งานมือถือเป็นหลัก (Mobile-first behavior) กลายเป็นเรื่องปกติ คนไทยจำนวนไม่น้อยใช้ชีวิตออนไลน์ผ่านสมาร์ตโฟนเพียงเครื่องเดียว โดยแทบไม่ใช้คอมพิวเตอร์เลย

II. ช่องทางการตลาด และแนวโน้มที่ธุรกิจไทยควรรู้ในปี 2025

ช่องทางการตลาด ออนไลน์สำคัญประเทศไทย

การเลือกใช้ช่องทางการตลาดที่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคไทย ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในปี 2025 ซึ่งช่องทางดิจิทัลได้กลายเป็นศูนย์กลางของการสื่อสาร การขาย และการสร้างแบรนด์อย่างแท้จริง

ต่อไปนี้คือช่องทางการตลาดที่ได้รับความนิยมและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในประเทศไทย:

1. การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย: ช่องทางการตลาดที่ยังมาแรงในปี 2025

โซเชียลมีเดีย หรือ Social Media Marketing คงเป็นช่องทางที่ทรงพลังที่สุดในแง่ของการสร้างการรับรู้และเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok หรือ YouTube แบรนด์สามารถใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อเล่าเรื่องราว ตอบคำถาม และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • Facebook เหมาะกับกลุ่มคนวัยทำงานและการดูแลลูกค้า
  • Instagram และ TikTok เหมาะกับเนื้อหาภาพสวย วิดีโอสั้น และกลุ่มคนรุ่นใหม่
  • YouTube เหมาะกับการสร้างเนื้อหาเจาะลึก สร้างภาพลักษณ์ และรีวิวสินค้า

2. การทำ SEO และโฆษณา Google Ads ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

ผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่ยังใช้ Google เป็นช่องทางหลักในการค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนั้นการทำ SEO และ PPC จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ปรากฏในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคมีความสนใจสูงที่สุด

  • SEO ช่วยสร้างการมองเห็นระยะยาว โดยเน้นคุณภาพของเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์
  • Google Ads หรือโฆษณาแบบ PPC เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ทันที โดยสามารถกำหนดคีย์เวิร์ด กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณได้อย่างยืดหยุ่น

3. กลยุทธ์การใช้ Influencer ให้ได้ผลในประเทศไทย

อินฟลูเอนเซอร์ หรือ Influencer Marketing มีบทบาทสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและโน้มน้าวใจผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่ต้องอาศัยประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริง การเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ สามารถสร้างอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อได้มากกว่าการโฆษณาแบบตรงไปตรงมา

  • Micro Influencer เหมาะกับการเข้าถึงกลุ่มเฉพาะเจาะจง
  • Macro Influencer เหมาะกับการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง

4. เนื้อหาและวิดีโอ: ช่องทางการตลาดสำคัญของกลยุทธ์การตลาด 2025

คอนเทนต์ที่ให้คุณค่าและตอบโจทย์ความสนใจของผู้ชมจะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะวิดีโอสั้นที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในไทย การใช้วิดีโอเพื่อเล่าเรื่องสินค้า รีวิว หรือให้ความรู้ จะช่วยเพิ่มทั้ง Engagement และ Conversion

  • วิดีโอสั้น: ใช้สร้างความสนใจในช่วงสั้น ๆ บน TikTok และ Reels
  • วิดีโอเจาะลึก: เหมาะสำหรับ YouTube หรือ Facebook Video เพื่ออธิบายสินค้า บริการ หรือเรื่องราวของแบรนด์

5. ช่องทางการตลาด LINE OA, อีเมล และ SMS: การสื่อสารโดยตรงที่ยังทรงพลัง

ช่องทางตรงอย่างอีเมล, SMS และ LINE OA ยังคงมีบทบาทในการดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่า และกระตุ้นให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อผสานกับข้อมูล CRM และใช้เนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้รับ

  • อีเมล: เหมาะกับการสื่อสารแบบเน้นข้อมูล รายละเอียดโปรโมชั่น หรือเนื้อหาสำหรับลูกค้าประจำ
  • SMS: เหมาะกับข้อความเร่งด่วน สั้น กระชับ เช่น แจ้งเตือนคูปอง หรือยืนยันการสั่งซื้อ
  • LINE OA: เหมาะกับการสื่อสารรายบุคคล และการดูแลความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด ผ่านฟีเจอร์ Broadcast, Rich Menu และแชตส่วนตัว

III. พฤติกรรมผู้บริโภคไทยบนโซเชียลมีเดีย

ปัจจุบันโซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้บริโภคไทยในเกือบทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะใช้ในการติดตามข่าวสาร ความบันเทิง หรือค้นหาสินค้าและบริการ พฤติกรรมการใช้งานที่หลากหลายนี้ ส่งผลให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกลายเป็นพื้นที่สำคัญของนักการตลาดในการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรมชาติ

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมในประเทศไทย

แม้ว่าแพลตฟอร์มยอดนิยมอาจเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ของแต่ละปี แต่ข้อมูลจากหลายแหล่งในปี 2025 ชี้ว่าแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้มากที่สุดยังคงเป็น:

  • Facebook: ใช้ในกลุ่มคนหลากหลายช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 25–45 ปี เหมาะกับการทำคอนเทนต์ข่าวสาร, รีวิว, และการดูแลลูกค้า
  • Instagram: เหมาะกับแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ชัดเจน เน้นไลฟ์สไตล์ ความสวยงาม และแฟชั่น
  • TikTok: เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ใช้สร้างคอนเทนต์ไวรัลและความสนุกแบบเข้าถึงง่าย
  • YouTube: ยังเป็นช่องทางหลักในการเสพสื่อวิดีโอระยะยาว และเหมาะกับการสร้าง Brand Awareness ผ่านวิดีโอที่มีเนื้อหาลึก
  • LINE: แม้ไม่ใช่แพลตฟอร์มโซเชียลในแบบดั้งเดิม แต่ LINE ถือเป็นช่องทางการสื่อสารที่คนไทยเปิดใช้งานทุกวัน และใช้มากในการพูดคุยกับแบรนด์

แล้วนักการตลาดควรทำอย่างไร?

สิ่งสำคัญคือต้องเลือกแพลตฟอร์มที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น

  • ถ้าเน้น Awareness และไวรัล: ควรพิจารณา TikTok และ YouTube Shorts
  • ถ้าเน้น Engagement และความสัมพันธ์กับลูกค้า: LINE และ Facebook ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
  • ถ้าแบรนด์เน้นภาพลักษณ์หรือแฟชั่น: Instagram จะมีประสิทธิภาพมากกว่าสื่ออื่น

การเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้บนแต่ละแพลตฟอร์มจะช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับเนื้อหาและกลยุทธ์ให้ตรงกับจังหวะของผู้บริโภคไทยในแต่ละช่องทางอย่างแท้จริง

IV. ช่องทางการตลาด LINE: ช่องทางอันดับ 1 ที่แบรนด์ไทยเลือกใช้ส่งข้อความ

ช่องทางการตลาด LINE ads

แม้จะเป็นแอปส่งข้อความ แต่ LINE กลับกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย ด้วยฐานผู้ใช้งานมหาศาล ครอบคลุมทุกช่วงอายุ และมีอัตราการเปิดอ่าน (Open Rate) สูงกว่าช่องทางอื่นอย่างชัดเจน ทำให้แบรนด์จำนวนมากเลือกใช้ LINE เป็นศูนย์กลางในการสื่อสารกับลูกค้า ทั้งในแง่การให้ข้อมูล โปรโมชั่น และการดูแลความสัมพันธ์

ทำไม LINE ถึงเป็นแอปที่คนไทยใช้มากที่สุด

หนึ่งในเหตุผลที่ LINE ครองความนิยมคือการเป็นแอปที่คนไทยใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับครอบครัว เพื่อน หรือการติดต่องาน เมื่อแบรนด์เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้อยู่ตลอดเวลา ก็ยิ่งมีโอกาสในการเข้าถึงโดยไม่ต้องสร้างพฤติกรรมใหม่ให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ การที่ LINE มีการพัฒนาเครื่องมืออย่าง LINE OA (Official Account) และฟีเจอร์เสริมอื่น เช่น Rich Message, Rich Menu, Broadcast, Segmentation และระบบตอบกลับอัตโนมัติ ยิ่งทำให้แบรนด์สามารถนำเสนอประสบการณ์ที่เฉพาะตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างกลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้ LINE ทำการตลาด

แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในไทยมักไม่ใช้ LINE เพียงแค่ส่งโปรโมชั่นทั่วไป แต่จะใช้เพื่อตอบโจทย์เฉพาะของลูกค้า เช่น

  • แบรนด์เครื่องสำอาง: ส่งข้อความเฉพาะกลุ่มที่เคยซื้อสินค้า เพื่อแนะนำสินค้าใหม่ที่เหมาะกับสภาพผิว
  • แบรนด์ร้านอาหาร: แจ้งโปรโมชั่นรายวันพร้อมปุ่มจองโต๊ะล่วงหน้า
  • สถาบันสุขภาพ: ให้ความรู้ผ่านข้อความรายสัปดาห์ พร้อมลิงก์บทความที่เกี่ยวข้อง

การใช้ LINE ควบคู่กับข้อมูลลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อ หรือพฤติกรรมการคลิกบนเมนู ยิ่งช่วยให้แบรนด์สามารถส่งสารที่ “ตรงใจ” ได้มากขึ้น

จุดเด่นของการตลาดผ่าน LINE ที่ธุรกิจควรรู้

สิ่งที่ทำให้ LINE แตกต่างจากโซเชียลมีเดียทั่วไปคือ การที่แบรนด์สามารถส่งข้อความได้โดยตรงถึงผู้ติดตามในเวลาที่ต้องการ โดยไม่ต้องพึ่งพาอัลกอริทึม นอกจากนี้ยังสามารถวัดผลได้อย่างละเอียด เช่น อัตราการคลิก เปิดอ่าน หรือแชตตอบกลับ

ธุรกิจที่ต้องการความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยซื้อหรือแสดงความสนใจมาแล้ว จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการใช้ LINE เป็นหนึ่งในช่องทางหลักของกลยุทธ์ Omnichannel

V. ช่องทางการตลาด SEO สำหรับธุรกิจในประเทศไทย

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงและให้ผลระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดไทยที่ผู้บริโภคยังคงใช้ Google เป็นแหล่งค้นหาหลักในการหาข้อมูลสินค้า บริการ และเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้อ

การเข้าใจลักษณะเฉพาะของ SEO ในบริบทประเทศไทย จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มการมองเห็นในผลการค้นหา และสร้างโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่ได้อย่างยั่งยืน

ทำไม SEO ถึงสำคัญกับธุรกิจไทย

เมื่อธุรกิจคุณต้องพบกับการแข่งขันออนไลน์ที่ท้าท้ายอย่างต่อเนื่อง การปรากฏในหน้าแรกของ Google โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาคือข้อได้เปรียบที่ธุรกิจจำนวนมากต้องการ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เชื่อถือผลลัพธ์การค้นหาแบบออร์แกนิกมากกว่าการโฆษณาแบบจ่ายเงิน

นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพ Search Engines ยังช่วยประหยัดงบประมาณในระยะยาว เพราะเมื่อเว็บไซต์ติดอันดับแล้ว ค่าใช้จ่ายในการรักษาตำแหน่งนั้นมักน้อยกว่าการลงโฆษณา PPC อย่างต่อเนื่อง

ข้อควรรู้ในการทำ SEO ให้เหมาะกับตลาดไทย

การทำ SEO ให้ได้ผลในประเทศไทย จำเป็นต้องเข้าใจบริบททางภาษาและพฤติกรรมของผู้ค้นหาในประเทศ ซึ่งอาจแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ

  • ใช้ คีย์เวิร์ดภาษาไทย ที่ผู้บริโภคจริง ๆ ใช้ค้นหา ไม่ควรแปลคำตรงตัวจากภาษาอังกฤษ
  • ให้ความสำคัญกับการปรับปรุง Local SEO โดยเฉพาะธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือให้บริการในพื้นที่
  • พิจารณา Search Intent ของผู้ใช้งาน เช่น คนไทยนิยมใช้คำว่า “ที่ไหนดี” หรือ “ราคาเท่าไหร่” เมื่อค้นหาสินค้าหรือบริการ
  • พัฒนา เนื้อหาเชิงให้ความรู้ ที่เจาะจงกับปัญหา ความต้องการ หรือคำถามของกลุ่มเป้าหมายในไทยโดยเฉพาะ
  • ประสบการณ์ใช้งานผ่านมือถือ (Mobile Experience) หากเว็บไซต์ของคุณไม่รองรับการใช้งานผ่านมือถืออย่างมีประสิทธิภาพ คุณอาจสูญเสียโอกาสในการแข่งขันตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

แล้วโฆษณาแบบ Google Ads ล่ะ? ต้องใช้เมื่อไหร่

แม้ SEO จะมีข้อดีในระยะยาว แต่ธุรกิจบางประเภทอาจต้องการผลลัพธ์แบบรวดเร็ว เช่น การเปิดตัวแคมเปญ โปรโมชั่น หรือสินค้าใหม่ ในกรณีนี้ Google Ads หรือโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) จะช่วยสร้างการมองเห็นทันทีในคีย์เวิร์ดสำคัญ

การผสานการทำ SEO เข้ากับ Google Ads ยังเป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถครอบคลุมทั้งช่องทางระยะสั้นและระยะยาวในเวลาเดียวกัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในทุกช่วงของการตัดสินใจ

VI. เทรนด์การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) ที่เหมาะกับผู้บริโภคไทย

สำหรับปี 2025 การทำโฆษณาออนไลน์ยังคงเป็นเครื่องมือการตลาดที่สำคัญสำหรับธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์ต้องการสร้างการรับรู้ (Awareness), กระตุ้นการมีส่วนร่วม (Engagement) หรือผลักดันยอดขายในระยะสั้น กลยุทธ์แบบ PPC (Pay-Per-Click) และสื่อแบบชำระเงิน (Paid Media) สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

แต่ละแพลตฟอร์มมีจุดแข็งและบทบาทที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้เหมาะสมจึงต้องอิงกับกลุ่มเป้าหมาย พฤติกรรมผู้บริโภค และลักษณะของสินค้า/บริการอย่างรอบด้าน

ช่องทางการตลาด Google Ads: เครื่องมือหลักของการค้นหา

การเลือกใช้ Google Ads อย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการซื้อจริงในช่วงเวลาสำคัญได้อย่างแม่นยำ นอกจากโฆษณาบนผลการค้นหา (Search Ads) แล้ว ยังมีรูปแบบอื่น ๆ ที่ธุรกิจไทยสามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:

วิธีที่ธุรกิจไทยใช้ Google Ads ให้เกิดผลลัพธ์:

  • Search Ads: โฆษณาข้อความที่แสดงอยู่เหนือผลการค้นหาออร์แกนิก เมื่อมีผู้ค้นหาคำที่มีเจตนาในการซื้อสูง เช่น “ซื้อคอนโดกรุงเทพ” หรือ “จ้างเอเจนซี่การตลาดดิจิทัลในไทย” เหมาะสำหรับการดึงดูดผู้ที่พร้อมตัดสินใจ
  • Display Network: แบนเนอร์โฆษณาที่แสดงบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของพันธมิตร Google ทั่วประเทศไทย เหมาะสำหรับการสร้าง Brand Awareness และทำ Retargeting
  • YouTube Ads: คนไทยใช้เวลากับ YouTube เฉลี่ยหลายชั่วโมงต่อวัน โฆษณาวิดีโอสั้นที่มีความเกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ชม และเนื้อหาที่เข้าใจง่าย จะช่วยสร้างผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Google Shopping: เหมาะกับธุรกิจ E-commerce ที่ต้องการแสดงรูปภาพสินค้า ราคา และลิงก์ไปยังหน้าสั่งซื้อโดยตรงบนหน้า Google Search

ข้อควรรู้เพิ่มเติม: หากเว็บไซต์ของคุณไม่รองรับภาษาไทย หรือไม่มีการปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานในไทย คู่แข่งที่ทำ “Localize” ดีกว่าอาจเป็นผู้ได้เปรียบในสงครามคลิกโดยไม่รู้ตัว เพราะการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) จำเป็นต้องใช้การสื่อสารที่ใกล้ชิดและเข้าใจตลาดเป้าหมายไม่แพ้ SEO

ช่องทางการตลาด Facebook และ Instagram Ads: สื่อที่คนไทยมีส่วนร่วมสูง

หาก Google คือจุดเริ่มต้นของการค้นหา Facebook และ Instagram ก็คือพื้นที่ที่ผู้บริโภคในไทย “ค้นพบ” สินค้าและแบรนด์ใหม่ ๆ แบบไม่รู้ตัว

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ใช้งาน Facebook สูงที่สุดในโลก โดยแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้เป็นแค่ช่องทางสื่อสารหรือความบันเทิง แต่ยังกลายเป็นแหล่งสำคัญในการ ค้นพบสินค้า และ ซื้อของออนไลน์ สำหรับคนไทยจำนวนมาก

ตัวอย่างรูปแบบโฆษณาที่เหมาะกับตลาดไทย:

  • Carousel Ads: เหมาะกับการนำเสนอสินค้าหลายชิ้นในแคมเปญเดียว เช่น คอลเลกชันสินค้าใหม่
  • Video Ads: ใช้สำหรับการเล่าเรื่องแบรนด์ (Storytelling), รีวิวสั้น หรือสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์
  • Lead Form Ads: เหมาะสำหรับธุรกิจบริการ เช่น การลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่น หรือนัดหมายเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
  • Retargeting Ads: ตามไปแสดงโฆษณาแก่ผู้ที่เคยเข้าเว็บไซต์ แต่ยังไม่สั่งซื้อ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนใจลูกค้า

ความได้เปรียบของระบบการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

แพลตฟอร์มของ Meta (Facebook และ Instagram) มีระบบการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายที่ละเอียดมาก สามารถกำหนดได้ตาม:

  • ช่วงอายุ
  • พื้นที่ (เจาะลึกถึงระดับเขตหรืออำเภอ)
  • ความสนใจ พฤติกรรมการใช้งาน
  • ภาษา (แยกกลุ่มผู้ใช้ภาษาไทยและอังกฤษ)

เมื่อนำความสามารถในการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายมาผนวกกับ การเข้าถึงที่กว้างครอบคลุมทั่วประเทศ แพลตฟอร์มเหล่านี้จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายแคมเปญให้เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดไทย

ช่องทางการตลาด TikTok Ads: โฆษณาแห่งยุคใหม่

TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญของการสร้างไวรัลในกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ธุรกิจที่สามารถนำเสนอเนื้อหาที่สร้างสรรค์และเข้าถึงง่ายบนแพลตฟอร์มนี้ จะสามารถสร้างการจดจำและกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีพลัง

  • เหมาะสำหรับสินค้า/บริการที่ต้องการ “ลองของใหม่” หรือเน้นความน่าสนใจ
  • รูปแบบโฆษณาที่นิยม เช่น In-Feed Ads และ Spark Ads
  • ควรสร้างคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้ใช้ TikTok ไม่ใช่เพียงแค่ขาย

ช่องทางการตลาด LINE Ads: การเข้าถึงลูกค้าโดยตรง

LINE Ads เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคไทยได้ตรงจุด โดยเฉพาะผู้ที่ใช้งาน LINE OA อยู่แล้ว การเชื่อมต่อระหว่างโฆษณากับแชต การติดตาม หรือการส่งโปรโมชั่นตรง จึงเกิดขึ้นได้อย่างไร้รอยต่อ

  • เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่า และกระตุ้นการกลับมาซื้อซ้ำ
  • ใช้สำหรับการดึงคนเข้า OA เพิ่มผู้ติดตาม หรือส่งข้อความเฉพาะกลุ่ม
  • สามารถเชื่อมกับ Rich Menu หรือหน้าโปรโมชั่นเฉพาะกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เคล็ดลับการใช้ Paid Media ให้เวิร์กในตลาดไทย

แม้แต่โฆษณาที่มีงบสูงก็อาจไม่ได้ผล หากไม่มีการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม ต่อไปนี้คือแนวทางสำคัญ:

  • วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด ก่อนเลือกแพลตฟอร์มลงโฆษณา
  • สร้างคอนเทนต์ที่เข้าใจง่าย เหมาะกับพฤติกรรมคนไทยในแต่ละช่องทาง
  • ตั้งงบประมาณแบบมีเป้าหมายชัดเจน เช่น แยกงบ Awareness กับ Conversion
  • ทดสอบรูปแบบโฆษณา (A/B Testing) อย่างสม่ำเสมอ แล้วปรับตามผลลัพธ์จริง

VII. ช่องทางการตลาด Influencer Marketing ในไทย

ช่องทางการตลาดดิจิทัลที่นิยมประเทศไทย

ถือได้ว่าการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ หรือ influencer marketing ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจกับรีวิวและคำแนะนำจากบุคคลที่ตนติดตามมากกว่าการสื่อสารโดยตรงจากแบรนด์เอง โดยเฉพาะเมื่ออินฟลูเอนเซอร์มีความเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย การแนะนำสินค้าและบริการจึงดูเป็นธรรมชาติและสร้างความน่าเชื่อถือได้อย่างแท้จริง

ทำไมอินฟลูเอนเซอร์ถึงทรงพลังในไทย

ผู้บริโภคคนไทยจำนวนไม่น้อยตัดสินใจซื้อสินค้าจากความเชื่อมั่นในตัวบุคคลที่พวกเขาติดตาม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง อินฟลูเอนเซอร์จึงทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ที่ช่วยสื่อสารคุณค่าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปสู่ผู้ติดตามในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้มากกว่าโฆษณาทั่วไป

ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ที่ควรรู้

การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์ทางการตลาดของแบรนด์ และลักษณะของกลุ่มผู้ติดตามที่สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ

  • Nano Influencer (1,000–10,000 followers): มีความใกล้ชิดกับผู้ติดตาม เหมาะกับแบรนด์ท้องถิ่นหรือแคมเปญเฉพาะกลุ่ม
  • Micro Influencer (10,000–100,000 followers): มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงและสามารถเข้าถึงตลาดเฉพาะกลุ่ม
  • Macro Influencer (100,000+ followers): เหมาะกับการสร้างการรับรู้ในวงกว้างและแคมเปญที่ต้องการขยายฐานลูกค้า
  • Mega Influencer (500,000+ followers): มักเป็นดารา คนดัง หรือบุคคลสาธารณะที่มีฐานผู้ติดตามจำนวนมาก เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือแคมเปญใหญ่ที่ต้องการสร้างความ “ว้าว” และให้เป็นที่จดจำอย่างรวดเร็ว

แพลตฟอร์มที่ใช้สร้างผลตอบแทนได้จริง

แพลตฟอร์มยอดนิยมที่ใช้งานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ในไทย ได้แก่:

แพลตฟอร์มที่ใช้สร้างผลตอบแทนได้จริง

  • Instagram และ TikTok: เหมาะกับคอนเทนต์ที่เน้นภาพและวิดีโอสั้น เช่น รีวิวสินค้า ไลฟ์สไตล์ และการสร้างไวรัล
  • YouTube: เหมาะสำหรับเนื้อหาเชิงลึก เช่น รีวิวละเอียด หรือการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์
  • Facebook: ยังใช้ได้ผลกับกลุ่มที่อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะสินค้าในหมวดแม่และเด็ก การเงิน และบริการที่มีขั้นตอนมาก
  • LINE: ปัจจุบันมีอินฟลูเอนเซอร์บางรายที่ใช้ LINE OA หรือ กลุ่มปิดใน LINE เพื่อสื่อสารกับผู้ติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น การแจ้งโปรโมชันพิเศษ แจกคูปอง หรือให้สิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยสร้างความผูกพันและเพิ่ม Conversion ได้ดี

วัดผลยังไงให้มากกว่าแค่ยอดไลก์?

การวัดผลแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์ไม่ควรดูแค่ยอดไลก์หรือการแชร์เท่านั้น แต่ควรพิจารณาจาก:

  • อัตราการคลิก (CTR) หรือจำนวนคนที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม
  • ยอดขายจากลิงก์เฉพาะ (Affiliate/UTM)
  • การมีส่วนร่วมจริง เช่น คอมเมนต์สอบถาม การบอกต่อ และการบันทึกโพสต์
  • การเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม

นอกจากนี้ ควรวิเคราะห์ผลในบริบทของแคมเปญ เช่น หากเป้าหมายคือ Awareness ก็ควรดูจำนวน Reach และ Engagement เป็นหลัก หากเป้าหมายคือ Conversion ควรเชื่อมต่อกับข้อมูลยอดขายหรือการสมัครรับบริการหลังโพสต์

VIII. ช่องทางการตลาด Email Marketing

แม้ในสายตาของใครหลายคนการตลาดผ่านอีเมลอาจดู “ล้าสมัย” แต่ในความเป็นจริง ช่องทางนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม และกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำหรือความจงรักภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

เมื่อใช้อย่างมีกลยุทธ์ อีเมลสามารถกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง เพราะช่วยให้แบรนด์ส่งสารได้ตรงถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม โดยไม่ต้องพึ่งอัลกอริทึมจากโซเชียลมีเดีย

ทำไมการตลาดผ่านอีเมลยังได้ผล?

หนึ่งในจุดแข็งของอีเมลมาร์เก็ตติ้ง (Email Marketing) คือ ความสามารถในการ “ควบคุมเนื้อหาและผู้รับ” ได้อย่างเต็มที่ ต่างจากโซเชียลมีเดียที่การเข้าถึงอาจขึ้นอยู่กับอัลกอริทึม ระบบการสมัครรับข่าวสาร (Opt-in) ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดอ่านเนื้อหาสูงกว่า และเป็นกลุ่มที่มีความสนใจในแบรนด์อยู่แล้ว

อัตราการเปิดอ่านของอีเมลในไทยแม้จะไม่ได้สูงเท่าประเทศตะวันตก แต่หากใช้กับกลุ่มลูกค้าที่สมัครใจรับข้อมูลจริง ๆ และมีการแบ่งกลุ่ม (Segmentation) อย่างเหมาะสม จะสามารถสร้าง Conversion ได้ในอัตราที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับต้นทุน

แนวทางการใช้งานในบริบทไทย

  • ใช้อีเมลสำหรับสื่อสารเนื้อหาที่ลูกค้าสนใจจริง เช่น ข่าวสารพิเศษ โปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม หรือเนื้อหาเชิงความรู้
  • สร้างหัวเรื่อง (Subject Line) ที่กระตุ้นความสนใจโดยไม่ใช้คำโฆษณาเกินจริง
  • พัฒนาเนื้อหาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในไทย เช่น การใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมปุ่มคลิก (CTA) ชัดเจน
  • ใช้ระบบ Automation เพื่อส่งอีเมลในช่วงเวลาที่ลูกค้ามีแนวโน้มเปิดอ่านมากที่สุด เช่น หลังสั่งซื้อ หรือก่อนวันหมดอายุโปรโมชัน

การตลาดผ่านอีเมลอาจไม่ใช่ช่องทางหลักของทุกธุรกิจ แต่หากใช้ควบคู่กับกลยุทธ์การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ลูกค้า จะกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วย “รักษาฐานลูกค้าเดิม” และเพิ่มมูลค่าต่อหนึ่งลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

IX. ช่องทางการตลาดผ่าน SMS ในไทย

แม้การส่งข้อความ SMS อาจดูคลาสสิกเมื่อเทียบกับช่องทางดิจิทัลยุคใหม่ แต่ในประเทศไทย SMS ยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในธุรกิจที่ต้องการส่งข้อมูลสั้น กระชับ และเร่งด่วนให้ถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ บริษัทประกัน หรือบริการด้านการเงิน หลายแห่งยังใช้ SMS เป็นช่องทางหลักในการแจ้งเตือนหรือสื่อสารโปรโมชั่น

ทำไมการส่ง SMS จึงยังคงได้ผล?

จุดแข็งของ SMS คือการส่งตรงถึงโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และไม่มีการกรองโดยอัลกอริทึม ลูกค้าที่ได้รับข้อความมักจะเห็นเนื้อหาทันทีและเปิดอ่านภายในไม่กี่นาที อีกทั้ง SMS ยังเหมาะกับการสื่อสารที่มีความเร่งด่วนหรือเนื้อหาที่ไม่ซับซ้อน

ในบางกรณี ธุรกิจยังสามารถใช้ SMS ร่วมกับการตลาดช่องทางอื่น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการคลิกเข้าเว็บไซต์ เข้าร่วมกิจกรรม หรือติดต่อกลับ

แนวทางการใช้งานให้เหมาะกับบริบทของไทย

  • ส่งข้อความเพื่อ ยืนยันคำสั่งซื้อ, แจ้งสถานะสินค้า, หรือ เตือนวันครบกำหนดการชำระเงิน
  • ใช้สำหรับการแจ้ง โปรโมชั่นเร่งด่วน เช่น ส่วนลดเฉพาะวันนี้ หรือ Flash Sale
  • จำกัดจำนวนข้อความต่อเดือน เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกรบกวน
  • ใช้ข้อความสั้น ชัดเจน และแทรกลิงก์ที่สามารถคลิกได้ทันทีในกรณีที่ต้องการนำลูกค้าไปยังหน้ารายละเอียด

การตลาดผ่าน SMS อาจไม่ได้เหมาะกับทุกประเภทธุรกิจ แต่สำหรับบริการที่ต้องการสื่อสารแบบเฉพาะกิจ หรือใช้ย้ำเตือนในช่วงเวลาสำคัญ ช่องทางนี้ยังคงมีประสิทธิภาพที่ไม่ควรมองข้าม

X. ช่องทางการตลาด LINE Broadcast (LINE Blasts): การเชื่อมโยงระหว่าง SMS และโซเชียล

สำหรับธุรกิจในประเทศไทยที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าอย่างตรงจุด แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นมิตรและการสื่อสารแบบโซเชียล LINE Broadcast หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า LINE Blasts กลายเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงสามารถควบคุมภาพลักษณ์และรูปแบบเนื้อหาได้

อีกทั้ง LINE Blasts คือการส่งข้อความพร้อมรูปภาพหรือ Rich Content ไปยังผู้ติดตาม LINE OA พร้อมกัน โดยเนื้อหาสามารถตั้งเวลา ส่งตามกลุ่มเป้าหมาย และวัดผลได้อย่างชัดเจน

เมื่อไหร่ควรเลือกใช้ LINE OA ในการกระจายข่าวสาร

LINE Blasts เหมาะกับสถานการณ์ที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าแบบ “ทันที” แต่ยังคงความยืดหยุ่นของโซเชียลมีเดีย เช่น:

  • แจ้งโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะช่วงเวลา
  • ส่งข่าวสารกิจกรรม หรือเปิดตัวสินค้าใหม่
  • กระตุ้นให้กลับมาซื้อซ้ำหลังจากไม่ได้สั่งซื้อเป็นเวลานาน
  • แจ้งเตือนการจอง การนัดหมาย หรือการจัดส่งสินค้า

เมื่อเปรียบเทียบกับ SMS — LINE Blasts มีต้นทุนต่อข้อความที่ต่ำกว่า และสามารถใส่ภาพ ลิงก์ หรือเมนูได้ในแบบที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

ข้อดีที่ทำให้ LINE Blasts ได้รับความนิยมในไทย

  • ผู้ใช้งานเปิดอ่านข้อความใน LINE บ่อยและแทบจะทันที
  • เนื้อหาสามารถออกแบบให้หลากหลาย ทั้งรูปภาพ ข้อความ และปุ่มคลิก
  • สามารถส่งข้อความแบบ Personalized ได้ผ่านการแบ่ง Segment ภายในระบบ
  • มีระบบวัดผลที่แม่นยำ เช่น จำนวนเปิดอ่าน คลิก หรือแชตตอบกลับ

ด้วยข้อดีเหล่านี้ LINE Broadcast จึงถือเป็นเครื่องมือที่เชื่อมช่องว่างระหว่าง SMS ที่เข้าถึงเร็ว กับโซเชียลมีเดียที่สื่อสารได้หลากหลายอย่างลงตัว

XI. วิธีเลือก ช่องทางการตลาด ที่เหมาะกับธุรกิจคุณ

แม้ว่าช่องทางการตลาดในไทยจะมีให้เลือกหลากหลาย แต่การเลือกโดยไม่มีหลักคิดหรือแนวทางที่ชัดเจน อาจนำไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า และไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ดังนั้น การประเมินความเหมาะสมก่อนเลือกใช้งานแต่ละช่องทางคือสิ่งที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ

1. กลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร?

จุดเริ่มต้นของการวางกลยุทธ์ช่องทางการตลาดที่ดี คือการเข้าใจว่าคุณกำลังพยายามเข้าถึงใคร เพราะ “พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย” จะเป็นตัวกำหนดอย่างชัดเจนว่าคุณควรใช้ช่องทางใด

  • กลุ่มวัยรุ่นในเมือง (Gen Z): ใช้ TikTok, Instagram Reels และ LINE เป็นหลัก
  • กลุ่มพนักงานออฟฟิศหรือมืออาชีพ: มักอยู่บน Facebook, LinkedIn (กำลังเติบโตในไทย), YouTube และอีเมล
  • กลุ่มพ่อแม่หรือครอบครัว: ติดตามเนื้อหาผ่าน Facebook, YouTube, กลุ่ม LINE และแม้กระทั่งกิจกรรมออฟไลน์
  • กลุ่มตัดสินใจในธุรกิจ (B2B): ใช้ Google Search, LinkedIn, อีเมลเชิงลึก และการติดต่อผ่าน LINE หรือ SMS

เมื่อคุณรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณ “ใช้เวลาที่ไหน” — คุณก็สามารถตามไปเจอพวกเขาได้ตรงจุด

2. เป้าหมายของคุณคืออะไร?

แต่ละช่องทางให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณควรถามตัวเองก่อนว่า “ตอนนี้อยากได้อะไรมากที่สุด” จากการทำตลาด

  • สร้างการรับรู้ (Brand Awareness): ใช้ Facebook Ads, คอนเทนต์ YouTube, อินฟลูเอนเซอร์ และ Display Ads
  • ต้องการยอดขายหรือ Lead โดยตรง: ใช้ Google Ads, SEO, หน้า Landing Page, และ Retargeting ผ่าน LINE
  • สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม: ใช้จดหมายข่าวผ่านอีเมล, LINE Broadcast และระบบ Loyalty Program
  • เปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่อย่างรวดเร็ว: ใช้ TikTok Ads, รีวิวจาก KOL, และ Retargeting บน Facebook + IG

เชื่อมโยง “เป้าหมาย” ของคุณกับ “ช่องทาง” ที่สามารถส่งผลได้ดีที่สุด — แล้ววางแผนเป็นเส้นทาง (Customer Journey) อย่างมีระบบ

3. คุณมีทรัพยากรพร้อมแค่ไหน?

หลายแบรนด์เริ่มต้นด้วยความตั้งใจดี แต่สะดุดตรงที่ไม่มีคน ทีม หรือเครื่องมือในการจัดการช่องทางที่เลือกไว้

ลองประเมินดูว่า:

  • ถ้ามีทีมออกแบบหรือวิดีโอที่แข็งแรง → ใช้ช่องทางภาพ เช่น Instagram หรือ YouTube
  • ถ้าเวลาและคนมีจำกัด → ใช้ระบบอัตโนมัติของ LINE, Email และโฆษณา Retargeting
  • ถ้ายังไม่มีคอนเทนต์พร้อม → เริ่มจาก Paid Search หรือ Influencer Marketing ไปก่อน ขณะเดียวกันค่อย ๆ สร้างฐานคอนเทนต์ของคุณเอง

การวางกลยุทธ์ที่โฟกัสบน 2–3 ช่องทางแล้วทำให้ “ดีจริง” มักได้ผลลัพธ์ดีกว่าการหว่านบน 8 ช่องทางพร้อมกัน

เคล็ดลับ: เริ่มจากเล็ก แล้วค่อยขยายอย่างมีกลยุทธ์

หากคุณเพิ่งเริ่มทำตลาดในไทย ลองใช้สูตรพื้นฐานนี้ก่อน:

  • Facebook: สำหรับสร้างการรับรู้และ Engagement
  • LINE OA: สำหรับสื่อสารโดยตรงกับลูกค้า
  • Google Ads หรือ SEO: สำหรับดึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการซื้อสูง

เมื่อได้ผลตอบรับดีแล้ว ค่อยขยับไปยังช่องทางอื่น เช่น TikTok, YouTube หรือ Email ตามพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า

การทำงานหลายช่องทางการตลาด อย่างเป็นระบบและสอดคล้องกัน จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อทุกช่องทางทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ

ลองจินตนาการภาพนี้:

  • ลูกค้าเห็นโฆษณาบน Facebook
  • คลิกเข้าเว็บไซต์ แล้วกดรับโปรโมชั่นผ่าน LINE
  • ได้รับอีเมลติดตามผลอีกไม่กี่วันถัดมา
  • แล้วเจอโฆษณา YouTube ซ้ำอีกครั้งเพื่อย้ำความเชื่อมั่น

ประสบการณ์แบบ “ต่อเนื่อง” เช่นนี้ช่วยสร้างทั้งความน่าเชื่อถือและการตัดสินใจซื้อได้จริง

แต่ถ้าหากซับซ้อนเกินไป?

คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น เพราะหลายธุรกิจไม่ได้ขาด “ทางเลือก” — แต่ขาด “ความชัดเจนในการเลือก”

นี่คือจุดที่การทำงานร่วมกับเอเจนซี่ดิจิทัลที่เข้าใจตลาดไทยจริง ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุน ทั้งด้านการวางกลยุทธ์ การจัดการงบโฆษณา และการผลิตคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง

XII. สรุปช่องทางการตลาดที่เหมาะกับธุรกิจไทยในปี 2025

การตลาดที่มีประสิทธิภาพในปี 2025 ไม่ใช่เรื่องของการเลือกช่องทางที่ “ได้รับความนิยมมากที่สุด” เท่านั้น แต่คือการเลือกใช้ ช่องทางการตลาดที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคไทย และ เหมาะกับเป้าหมายของธุรกิจคุณจริง ๆ

Recap ช่องทางการตลาด 2025:

  • โซเชียลมีเดียไม่ใช่ทางเลือก แต่คือพื้นฐานของการทำตลาดในไทย
    Facebook และ LINE ยังเป็นสองแพลตฟอร์มหลักที่ทุกธุรกิจควรมี ส่วน TikTok และ Instagram กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่
  • LINE ไม่ใช่แค่แอปแชต แต่เป็นเครื่องมือ CRM ที่ใกล้ชิดที่สุดกับคนไทย
    ด้วยความสามารถในการส่งข้อความตรงถึงลูกค้า ตอบกลับอัตโนมัติ และสร้างความสัมพันธ์แบบต่อเนื่อง
  • การค้นหา (SEO และ Google Ads) คือจุดที่ลูกค้ามีเจตนาซื้ออยู่แล้ว
    ใครสามารถปรากฏในช่วงเวลานั้น และนำเสนอข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ก่อน ย่อมมีโอกาสปิดการขายมากกว่า
  • อินฟลูเอนเซอร์ช่วยให้แบรนด์สื่อสารอย่างจริงใจและมีน้ำเสียงที่ผู้บริโภคเชื่อถือได้
    โดยเฉพาะในตลาดที่ให้ความสำคัญกับคำแนะนำแบบปากต่อปาก
  • อีเมล, SMS และการส่งข้อความโดยตรง ช่วยให้แบรนด์ “ยังอยู่ในใจ” ลูกค้าได้หลังจากการปฏิสัมพันธ์ครั้งแรก
    เหมาะกับการดูแลลูกค้าในระยะยาวและการกระตุ้นให้กลับมาซื้อซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การใช้หลายช่องทาง แต่คือการเชื่อมแต่ละจุดให้ “ทำงานร่วมกัน” อย่างกลมกลืน เพราะประสบการณ์ที่สอดคล้อง ต่อเนื่อง และรู้สึก “เป็นธรรมชาติในแบบที่คนไทยคุ้นเคย” คือสิ่งที่สร้างทั้งความเชื่อมั่นและยอดขายระยะยาว

ขั้นตอนถัดไปที่ธุรกิจควรดำเนินการ

  1. ประเมินสถานะของแบรนด์ในปัจจุบัน: กลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ที่ไหน? คุณมีงบประมาณและทรัพยากรแบบใด?
  2. เลือก 1–2 ช่องทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายมากที่สุด เพื่อเริ่มต้น
  3. ทดสอบและวัดผล อย่างต่อเนื่อง แล้วค่อยขยายช่องทางตามศักยภาพ
  4. พิจารณาร่วมมือกับเอเจนซี่ที่เข้าใจตลาดในประเทศไทย หากคุณต้องการแนวทางที่แม่นยำ พร้อมประสบการณ์เชิงกลยุทธ์

หากคุณกำลังมองหาทีมงานดิจิตอลเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ช่องทางการตลาดแบบครบวงจรในประเทศไทย ทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยออกแบบแผนที่เหมาะกับธุรกิจคุณอย่างแท้จริง