Dofollow Links คืออะไร เข้าใจความหมายและเพื่อการสร้างลิงก์คุณภาพ

Dofollow-Nofollow-Links

Dofollow Links คืออะไร? ซึ่งหมายถึงลิงก์ประเภทหนึ่งที่ช่วยส่งค่าอำนาจไปไปยังเว็บไซต์ปลายทาง อีกทั้ง ลิงก์ประเภท Dofollow Link และ Nofollow Link ต่างมีความสำคัญการสร้างลิงก์ หรือ Link Building ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการทำ Search Engine Optimization (SEO) ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เสิร์ชเอ็นจินใช้ลิงก์เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือและความนิยมของเว็บไซต์ ยิ่งเว็บไซต์มีลิงก์จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องมากเท่าไร โอกาสที่จะได้รับการจัดอันดับสูงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ที่มีลิงก์จากแหล่งที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพถึง 1,200 ลิงก์ ย่อมมีโอกาสเหนือกว่าเว็บไซต์ที่มีลิงก์เพียงไม่กี่สิบลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างลิงก์ทั้งสองประเภทนี้ในการสร้างลิงก์ แม้ว่าลิงก์จะมีลักษณะเหมือนกันในสายตาผู้เข้าชม แต่ในมุมมองของเสิร์ชเอ็นจินถูกมองและจัดการแตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อกลยุทธ์ SEO ของคุณในระยะยาว

dofollow links คืออะไร

ความหมายของ Dofollow Links คืออะไร กล่าวคือลิงก์ที่ส่งต่อ “ค่าอำนาจ (Link Equity)” หรือที่เรียกว่า “Link Juice” ไปยังเว็บไซต์ปลายทาง ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอันดับในผลการค้นหาของ Google การมีลิงก์ประเภทนี้จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงสามารถส่งผลดีต่อการทำ SEO ของคุณได้โดยตรง

คุณสมบัติเด่นของลิงก์ที่ส่งค่าอำนา

  1. ช่วยเพิ่มอันดับ SEO: Google จะนับลิงก์ประเภทนี้เป็นสัญญาณที่ช่วยประเมินคุณภาพเว็บไซต์ของคุณ
  2. ส่งเสริมความน่าเชื่อถือ: การได้รับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงช่วยเพิ่มความไว้วางใจให้กับเว็บไซต์ของคุณ
  3. เหมาะสำหรับการสร้างลิงก์ย้อนกลับ (Link Building): Dofollow Links เป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ SEO สำหรับเพิ่มการมองเห็นในผลการค้นหา

ตัวอย่างการใช้งาน Dofollow Links:

เมื่อเว็บไซต์ A ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ B โดยไม่ได้ระบุคำสั่งพิเศษในโค้ด HTML เช่น rel=”nofollow” ลิงก์นั้นจะถูกมองว่าเป็น Dofollow Links

ตัวอย่างโค้ด Dofollow แบบ HTML:

<a href=”dofollow-links-example.html”>Dofollow Link Example</a>

เคล็ดลับการสร้าง Dofollow Links ที่มีคุณภาพ

  1. สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ: การมีเนื้อหาที่มีคุณค่าและเกี่ยวข้องจะช่วยดึงดูดลิงก์จากเว็บไซต์อื่นโดยธรรมชาติ
  2. ใช้ Guest Posting: เขียนบทความสำหรับเว็บไซต์อื่นและเพิ่มลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ
  3. เน้นการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: การได้รับ Dofollow Links จากเว็บไซต์ในอุตสาหกรรมเดียวกันช่วยเพิ่มคะแนน SEO ได้มากกว่า

หลังจากที่เข้าใจความหมาย Dofollow Links คืออะไร กันไปแล้ว ลิงก์ประเภทนี้เป็นส่วนสำคัญของการทำ SEO ช่วยเพิ่มอันดับและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ การมีลิงก์ประเภทนี้จากเว็บไซต์คุณภาพสูงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตในโลกดิจิทัล

เมื่อใดควรใช้ลิงก์ประเภท Dofollow

นอกจาก Dofollow Links เหมาะสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือและการสนับสนุนกลยุทธ์ SEO แล้ว การใช้งานลิงก์ประเภทนี้อย่างถูกต้องสามารถช่วยเพิ่มอันดับในผลการค้นหาและสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่ากับเว็บไซต์อื่น ๆ อีกทั้ง Google, Bing, Yahoo, Ask.com และ DuckDuckGo ล้วนแต่ใช้ dofollow links ในการจัดอันดับตามอัลกอริทึม

1. ลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้: หากคุณต้องการอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น บทความทางวิชาการหรือรายงานจากองค์กรที่ได้รับการยอมรับ ควรใช้ Dofollow Links เพื่อสนับสนุนข้อมูลที่คุณนำเสนอ

2. การสร้างความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม: การลิงก์ไปยังเว็บไซต์พันธมิตรหรือเว็บไซต์ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจและการทำงานร่วมกัน

3. สนับสนุนการทำ Backlink: หากคุณได้รับลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์อื่น การใช้ Dofollow Links ช่วยสนับสนุนและตอบแทนความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น

4. ลิงก์ภายในเว็บไซต์: การใช้ Dofollow Links สำหรับลิงก์ภายใน หรือ Internal Links สามารถช่วยกระจายค่าอำนาจของเว็บไซต์ของคุณ และเพิ่มโอกาสให้หน้าที่สำคัญถูกค้นพบโดย Google

ประโยชน์ของการใช้ Dofollow Links คืออะไร

  • เพิ่มค่า SEO: การใช้งาน Dofollow Links ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับเครดิตในสายตาของ Google
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเนื้อหา: การลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้เนื้อหาของคุณ
  • สนับสนุนการเติบโตของชุมชนออนไลน์: การลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่นที่เกี่ยวข้อง ช่วยสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมที่ยั่งยืนข้อควรระวัง:

แม้ว่า Dofollow Links จะมีประโยชน์ แต่การใช้งานอย่างไม่ระมัดระวัง เช่น การลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือการแลกเปลี่ยนลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ของคุณ 

อย่างไรก็ตาม ควรใช้ในสถานการณ์ที่ช่วยสนับสนุน SEO และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้ลิงก์ประเภทนี้กับเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว

อ่านเพิ่มเติม SEO Checklist ล่าสุด: คู่มือติดอันดับ Google ด้วยเทคนิคที่ดีที่สุด ฉบับสมบูรณ์

สำหรับ Nofollow Links คือลิงก์ที่มีคำสั่งพิเศษในโค้ด HTML ซึ่งบอกให้ Google และเสิร์ชเอ็นจินอื่น ๆ ไม่ส่งต่อค่าอำนาจ (Link Equity) ไปยังเว็บไซต์ปลายทาง ลิงก์ประเภทนี้มักถูกใช้ในกรณีที่คุณไม่ต้องการส่งผลต่ออันดับ SEO ของเว็บไซต์ที่ลิงก์ไป

ความสำคัญของ Nofollow Links

ก่อนอื่น Nofollow Links ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการกับลิงก์ที่อาจไม่ปลอดภัย หรือไม่เหมาะสมที่จะส่งค่า SEO ตัวอย่างเช่น ลิงก์ที่เกิดจากความคิดเห็นในบล็อก (Blog Comments) หรือโฆษณา

ถัดมา ลิงก์ประเภทนี้ยังช่วยเพิ่มความสมดุลในกลยุทธ์ SEO โดยไม่ทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกมองว่าเป็นแหล่งสแปม

ตัวอย่างของ Nofollow Links แบบ HTML:

nofollow links คืออะไร

ในกรณีที่คุณต้องการลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่คุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับคุณภาพ หรือไม่ต้องการให้ลิงก์นั้นมีผลต่อ SEO เช่น:

  • ลิงก์ในคอมเมนต์: ใช้ Nofollow เพื่อป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ของคุณส่งค่าอำนาจไปยังลิงก์ที่ผู้ใช้งานเพิ่มเข้ามาเอง
  • ลิงก์โฆษณา: การเพิ่มคำสั่ง Nofollow ช่วยให้ลิงก์โฆษณาไม่กระทบกับการจัดอันดับของ Google
  • ลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ:
    ในบางกรณีคุณอาจต้องอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย หรือไม่ผ่านการตรวจสอบ

ประโยชน์ของ Nofollow Links

  • ป้องกันการสแปม: การใช้ Nofollow ในคอมเมนต์หรือฟอรัมช่วยลดโอกาสที่สแปมลิงก์จะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ของคุณ
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์: การเลือกใช้ Nofollow อย่างเหมาะสมช่วยให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณมีการจัดการลิงก์อย่างเป็นระบบ
  • รักษาความสมดุลของลิงก์: เว็บไซต์ที่มีทั้ง Dofollow Links และ Nofollow Links แสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติและหลีกเลี่ยงการถูกมองว่า “พยายามเกินไป”

ถึงแม้ว่า Nofollow Links จะมีบทบาทสำคัญในการจัดการลิงก์และรักษาความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ การเลือกใช้ลิงก์ประเภทนี้อย่างเหมาะสมช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากลิงก์คุณ

การเลือกใช้ Nofollow Links อย่างเหมาะสมช่วยป้องกันปัญหาด้านการทำ SEO และเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ในกรณีที่คุณไม่ต้องการส่งค่าอำนาจ (Link Equity) ไปยังเว็บไซต์ปลายทาง การใช้ลิงก์ประเภทนี้จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

สถานการณ์ที่ควรใช้ Nofollow Links

1. ลิงก์โฆษณาแบบเสียเงิน (Paid Links): สำหรับลิงก์ที่เกิดจากโฆษณา Google กำหนดว่าควรใช้คำสั่ง rel=”nofollow” หรือคำสั่งที่คล้ายกัน เช่น rel=”sponsored” เพื่อป้องกันการละเมิดแนวทาง SEO

ตัวอย่าง:
หากคุณเผยแพร่บทความที่ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ลิงก์ที่เชื่อมไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์นั้นควรเป็น Nofollow

2. ลิงก์ในความคิดเห็น (User-Generated Content): ลิงก์ที่ผู้ใช้งานเพิ่มเข้ามาเอง เช่น ในคอมเมนต์ของบล็อก หรือโพสต์ในฟอรัม อาจมีความเสี่ยงต่อการสแปม

วิธีแก้ไข:
ใช้คำสั่ง rel=”nofollow” สำหรับลิงก์ที่เพิ่มโดยผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อ SEO

3. ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ: หากคุณต้องลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่คุณไม่มั่นใจในคุณภาพหรือความน่าเชื่อถือ การใช้ Nofollow Links ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

ตัวอย่าง: การอ้างอิงเนื้อหาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน

4. ลิงก์ในส่วนที่ไม่สำคัญ: สำหรับลิงก์ที่อยู่ในพื้นที่ เช่น Sidebar, Footer หรือลิงก์ที่ไม่ได้มีผลกระทบต่อ SEO โดยตรง การใช้ Nofollow Links ช่วยลดการส่งค่าลิงก์ไปยังหน้าเหล่านั้น

  • ป้องกันการสแปมลิงก์: ลดโอกาสที่เว็บไซต์ของคุณจะถูกโจมตีด้วยลิงก์คุณภาพต่ำ
  • สอดคล้องกับแนวทางของ Google: การใช้ Nofollow กับลิงก์ที่เหมาะสมแสดงถึงการปฏิบัติตามแนวทาง SEO
  • รักษาความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์: การใช้ Nofollow อย่างมีระบบช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกมองว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

ข้อควรระวัง

แม้ว่า Nofollow Links จะมีข้อดี แต่ไม่ควรใช้ในกรณีที่คุณต้องการเพิ่มค่า SEO ให้กับเว็บไซต์ปลายทาง เช่น การลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น Nofollow Links ควรใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการป้องกันผลกระทบด้าน SEO เช่น ลิงก์โฆษณา ลิงก์ที่เพิ่มโดยผู้ใช้งาน หรือการลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ การเลือกใช้ Nofollow อย่างเหมาะสมช่วยรักษาสมดุลและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ

ความแตกต่าง dofollow nofollow links

การทำความเข้าใจวิธีตรวจสอบและความแตกต่างระหว่าง Dofollow และ Nofollow Links ช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลิงก์ทั้งสองประเภทนี้มีลักษณะเหมือนกันในสายตาผู้ใช้งานทั่วไป แต่มีบทบาทที่แตกต่างกันในมุมมองของเสิร์ชเอ็นจิน ได้แก่

การดูโค้ด HTML ของลิงก์:

  • ในเบราว์เซอร์ Chrome หรือ Firefox คลิกขวาที่พื้นที่ว่างบนหน้าเว็บและเลือก “View page source”
  • ใช้คำสั่ง Ctrl + F เพื่อค้นหาลิงก์เฉพาะในโค้ด HTML
  • หากลิงก์มีคำสั่ง rel=”nofollow” แสดงว่าเป็น Nofollow Links หากไม่มีคำสั่งนี้ ลิงก์นั้นจะถือว่าเป็น Dofollow

<a href=”dofollow-links-example.html”>Dofollow Link Example</a>

  • สำหรับ Chrome: ใช้ส่วนเสริม เช่น NoFollow หรือ NoFollow Simple เพื่อเน้นลิงก์ที่เป็น Nofollow
  • สำหรับ Firefox: ใช้ส่วนเสริม เช่น SEO Nofollow Links Highlighter เพื่อแสดงผลลิงก์ที่เป็น Nofollow

เรียนรู้ การทำ Off-Page SEO คู่มือสำหรับปี 2025 เพิ่มอันดับอย่างมีประสิทธิภาพ

หากต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับในผลการค้นหาอย่างมั่นคง การสร้างโปรไฟล์ลิงก์ย้อนกลับ (Backlink Profile) ที่สมดุลถือเป็นกุญแจสำคัญ แม้ว่า Dofollow Link จะเป็นลิงก์ที่ส่งผ่านคุณค่า (Link Juice) และช่วยเพิ่มอันดับ SEO โดยตรง แต่โปรไฟล์ลิงก์ที่ดู “เป็นธรรมชาติ” ควรประกอบด้วยทั้งลิงก์แบบ Dofollow และ Nofollow ควบคู่กัน

การมีลิงก์ทั้งสองประเภทนี้จะช่วยให้ Search Engine มองว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับความน่าเชื่อถือจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้น (UGC), การแชร์จากโซเชียลมีเดีย, หรือเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการถูกลงโทษจากพฤติกรรมการสร้างลิงก์ที่ผิดธรรมชาติ

เมื่อคุณใช้ Dofollow และ Nofollow อย่างมีกลยุทธ์ร่วมกัน จะช่วยวางรากฐาน SEO ที่แข็งแรง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมในระยะยาว

ผลกระทบของ Nofollow Link ต่อ SEO: มากกว่าที่หลายคนคิด

แม้ว่า Nofollow Link จะไม่ส่งต่อคะแนน SEO โดยตรง แต่ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้าง “ภาพรวมของตัวตนออนไลน์” ให้กับเว็บไซต์

ลิงก์แบบ Nofollow สามารถช่วยเพิ่มปริมาณทราฟฟิก และเปิดโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น ยิ่งมีผู้เข้าเยี่ยมชมมาก โอกาสในการได้รับลิงก์แบบธรรมชาติ (Organic Backlink) ที่ส่งผลดีต่อ SEO ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ที่สำคัญ Nofollow Link จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจสูง เช่น Wikipedia หรือเว็บไซต์สื่อระดับประเทศ ถึงแม้จะไม่ส่งค่าทางเทคนิคโดยตรง แต่สามารถยกระดับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาผู้ใช้งานและนักสร้างลิงก์คนอื่น ๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่การได้รับลิงก์แบบ Dofollow ในอนาคตโดยไม่ต้องร้องขอ

กล่าวคือ Dofollow Links เป็นลิงก์ที่ส่งค่าอำนาจ (Link Equity) ไปยังเว็บไซต์ปลายทาง ช่วยเพิ่มอันดับและความน่าเชื่อถือในผลการค้นหา ขณะที่ Nofollow Links เป็นลิงก์ที่มีคำสั่ง rel=”nofollow” บอกให้เสิร์ชเอ็นจินไม่ส่งค่าอำนาจไปยังเว็บไซต์ปลายทาง ลิงก์ประเภทนี้เหมาะสำหรับการป้องกันสแปมและการจัดการลิงก์ในโฆษณาหรือคอมเมนต์

แนวทางการใช้งานลิงก์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดใน SEO

  • มุ่งเน้นการสร้าง Dofollow Backlinks เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเว็บไซต์ในผลการค้นหา
  • ใช้ Nofollow Links ในกรณีที่ต้องการลิงก์ไปยังแหล่งที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ต้องการส่งค่า SEO

พร้อมเริ่มต้นแคมเปญ Link Building หรือยัง?

การจัดการลิงก์ทั้งสองประเภทอย่างเหมาะสมช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหา ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญรับทำ SEO ของเราเพื่อสร้างกลยุทธ์ Link Building ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณตอนนี้