การทำ Off-Page SEO คู่มือสำหรับปี 2025 เพิ่มอันดับอย่างมีประสิทธิภาพ

การทำ-SEO-Off-Page

Table of Contents

I. ทำไม การทำ Off-Page SEO ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในปี 2025

การทำ Off-Page SEO อาจมีบทบาทสำคัญเพื่อการเพิ่มอันดับเว็บไซต์บนเครื่องมือค้นหาสำหรับปี 2025 มากขึ้น กลยุทธ์นี้ไม่ได้เพียงแค่ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ แต่ยังช่วยสร้างความไว้วางใจในสายตาของผู้ใช้งานและอัลกอริทึมของ Google อีกทั้ง การสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ การได้รับการกล่าวถึงแบรนด์ในช่องทางออนไลน์ และการจัดการ Citation อย่างมีประสิทธิภาพ ล้วนมีผลต่อความสำเร็จของเว็บไซต์ในระยะยาว

ปัจจุบัน SEO ไม่ได้หมายถึงการปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการดำเนินกลยุทธ์ทางด้าน Off-Page ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือจากแหล่งข้อมูลภายนอก อย่างเช่น การเผยแพร่บทความที่เชื่อมโยงกับแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หรือการแชร์เนื้อหาบน Social Media ที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมจากผู้ใช้งาน นี่คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นของเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่การแข่งขันออนไลน์สูงขึ้น การมองข้าม Off-Page อาจทำให้คุณเสียเปรียบในตลาด การปรับตัวให้ทันกับเทรนด์และการลงทุนออกแบบกลยุทธ์ อย่างเช่น การทำแคมเปญ Digital PR หรือการสร้างความร่วมมือกับ Influencer ที่เหมาะสม จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสร้างความแตกต่างและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำบนผลการค้นหา

ปัจจุบัน การเพิ่มประสิทธิภาพด้าน Off-Page ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจออนไลน์ควรให้ความสำคัญต่อการลงทุนในกลยุทธ์นี้อย่างเหมาะสม จะช่วยผลักดันเว็บไซต์ของคุณให้ประสบความสำเร็จในปี 2025 และอนาคตต่อไป

II. การทำ Off-Page SEO คืออะไร และการปรับใช้สำหรับปี 2025

ควาหมาย-Off-Page-SEO

กล่าวคือ การทำ Off-Page SEO หมายถึงการดำเนินกลยุทธ์ภายนอกเว็บไซต์ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และการมองเห็นเว็บไซต์ทั้งในสายตาของผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา อย่าง Google โดยไม่เกี่ยวข้องกับการปรับแต่งเนื้อหาหรือโครงสร้างภายในเว็บไซต์โดยตรง 

ตัวอย่างของ Off-Page ที่พบได้บ่อย เช่น การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ การจัดการ Citation และการกล่าวถึงแบรนด์บนแหล่งข้อมูลออนไลน์

องค์ประกอบสำคัญของ การทำ Off-Page SEO

  1. Backlink ที่มีคุณภาพ: การสร้าง Backlink ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของ Off-Page โดยลิงก์จากเว็บไซต์ที่มี Authority สูง ไม่เพียงช่วยเพิ่มอันดับบนเครื่องมือค้นหา แต่ยังส่งเสริมความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ใช้งาน เอเจนซี่รับทำ SEO ที่มีประสบการณ์มักเน้นการสร้างลิงก์จากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
  2. Citation และการจัดการข้อมูลท้องถิ่น: Citation หมายถึงการที่ข้อมูลธุรกิจของคุณปรากฏในแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น ไดเรกทอรีธุรกิจออนไลน์ หรือ Google Business Profile ซึ่งมีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะการทำ Local SEO การจัดการ Citation ที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่
  3. การกล่าวถึงแบรนด์: การที่ชื่อแบรนด์ของคุณถูกกล่าวถึงบนบทความ โซเชียลมีเดีย หรือแหล่งข้อมูลออนไลน์ต่างๆ มีผลต่อการสร้างความไว้วางใจ แม้จะไม่มีลิงก์โดยตรง การกล่าวถึงเชิงบวกเหล่านี้ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์และการจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น

การทำ Off-Page SEO ช่วยเสริม On-Page SEO อย่างไร?

แม้ว่า On-Page SEO จะเกี่ยวข้องกับการปรับแต่งโครงสร้างและเนื้อหาภายในเว็บไซต์ แต่การทำ Off-Page SEO ทำหน้าที่เสริมความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ของคุณดูมีน้ำหนักมากยิ่งสำหรับ Google การทำงานร่วมกันระหว่างสองอย่างนี้จึงเป็นหลักสำคัญที่ช่วยสร้างผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างเช่น 

เมื่อเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้รับการปรับแต่ง On-Page ให้เหมาะสม การมี Backlink คุณภาพจาก Off-Page จะช่วยเพิ่มความไว้วางใจต่อเนื้อหานั้น ทำให้เครื่องมือค้นหามองว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือและมีคุณภาพสูง

ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง Off-Page จึงเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณต้องการความช่วยเหลือด้านนี้ การเลือกใช้บริการจากเอเจนซี่รับทำ SEO ที่เชี่ยวชาญจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของคุณได้

III. เหตุผลที่ การทำ Off-Page SEO มีความสำคัญต่อการจัดอันดับในปี 2025

การทำ Off-Page SEO

ด้วยความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการสร้าง Authority และ Trust ที่มาจากแหล่งข้อมูลภายนอกในปี 2025 การทำ Off-Page กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการครองอันดับสูงสุดบนเครื่องมือค้นหา เว็บไซต์ที่ดำเนินกลยุทธ์ อย่างเหมาะสมสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

เครื่องมือค้นหา เช่น Google ใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อวิเคราะห์และจัดอันดับเว็บไซต์ โดยไม่เพียงพิจารณาคุณภาพของเนื้อหาภายในเว็บไซต์ (On-Page) แต่ยังให้ความสำคัญกับสัญญาณภายนอก (Off-Page) ที่แสดงถึงความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ระหว่างเว็บไซต์ต่างๆ การมี Backlink จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การได้รับการกล่าวถึงบน Social Media หรือ Citation ที่ถูกต้อง ล้วนช่วยเพิ่มน้ำหนักให้เว็บไซต์ของคุณในมุมมองของเครื่องมือค้นหา

อีกทั้ง การตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้น การปรับตัวด้วยการทำ Off-Page ไม่ใช่เพียงตัวเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการโดดเด่นบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมใด การลงทุนของกลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้เว็บไซต์ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมที่อาจเกิดขึ้น เรามาดูกันว่าอะไรเป็นเหตุผลหลักสำคัญเพื่อการครองอันดับสูงสุดในปี 2025

A. Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง

เรามาเริ่มกันที่ Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ ให้คะแนนความสำคัญแก่เว็บไซต์ที่มี Authority และ Trustworthiness ตามหลักเกณฑ์ E-E-A-T การได้รับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง เช่น องค์กรทางการ ข่าวสาร หรือแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ในมุมมองของเครื่องมือค้นหา

การสร้างความไว้วางใจไม่ได้จำกัดเพียงแค่ Backlink เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมี Citation ที่ถูกต้อง รีวิวจากลูกค้า และการมีชื่อเสียงที่ดีบน Social Media ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ได้

นอกจากนี้ การสร้าง Backlinks ยังเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับการทำ Off-Page ในปี 2025 แต่การสร้าง Backlinks ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่จำนวนลิงก์ แต่กลับให้ความสำคัญกับคุณภาพและความเกี่ยวข้องของลิงก์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น Google ไม่ได้มองหาแค่ “ลิงก์” แต่ต้องการเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการแนะนำจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้

กลยุทธ์การทำ Backlinks ที่มีคุณภาพสูงมักมาจากเว็บไซต์ที่มี Authority จากอุตสาหกรรมหรือธุรกิจเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ลิงก์จากเว็บไซต์ข่าวสาร บทความวิชาการ หรือบทความที่เชี่ยวชาญในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มคะแนน SEO แต่ยังช่วยดึงดูดผู้เข้าชมที่มีความสนใจจริงๆ

  1. Guest Posting: การเขียนบทความลงในเว็บไซต์อื่นที่เกี่ยวข้องเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ช่วยให้คุณได้รับ Backlink พร้อมกับสร้างภาพลักษณ์ในอุตสาหกรรมของคุณ
  2. Digital PR: การสร้างข่าวสารหรือเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจ ช่วยเพิ่มโอกาสที่สื่อออนไลน์จะกล่าวถึงและลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ของคุณ
  3. การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า: เนื้อหาที่มีคุณภาพ เช่น บทความเชิงลึก วิดีโอ หรือ Infographic สามารถดึงดูดให้ผู้อื่นลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ของคุณโดยไม่ต้องร้องขอ

ด้วยการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การสร้าง Backlinks อย่างมีคุณภาพถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นในมุมมองของ Google การใช้บริการจากเอเจนซี่รับทำ SEO ที่เชี่ยวชาญสามารถช่วยวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมและสร้าง Backlinks ที่มีคุณภาพอย่างเหมาะสม

C. การกล่าวถึงแบรนด์: ตัวบ่งชี้ความน่าเชื่อถือ

การกล่าวถึงแบรนด์ กลายเป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้สำคัญที่ Google ใช้ในการประเมินคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ แม้ว่าการกล่าวถึงเหล่านี้จะไม่มีลิงก์โดยตรง แต่กลับช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับบนเครื่องมือค้นหา

ประเภทของการกล่าวถึงแบรนด์

  1. การกล่าวถึงบนบทความหรือข่าวสารออนไลน์: ตัวอย่างเช่น การปรากฏตัวบนบทความรีวิวสินค้า การสัมภาษณ์ หรือการวิเคราะห์แนวโน้มในอุตสาหกรรม แหล่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยเพิ่มความไว้วางใจในแบรนด์โดยทางอ้อม
  2. การกล่าวถึงบน Social Media: แบรนด์ที่ได้รับการพูดถึงในโพสต์หรือความคิดเห็นของผู้ใช้งาน Social Media เช่น Facebook, Twitter หรือ LinkedIn มักมีโอกาสได้รับการแชร์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
  3. การกล่าวถึงผ่าน Influencer หรือผู้มีอิทธิพล: การร่วมมือกับ Influencer ในการโปรโมตสินค้า บริการ หรือแคมเปญต่างๆ ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง และยังช่วยเพิ่มโอกาสที่เนื้อหาจะถูกแชร์ต่อๆ กันไป

การกล่าวถึงแบรนด์กับการทำ Off-Page

Google มองการกล่าวถึงแบรนด์ว่าเป็น ปัจจัยสำคัญที่แสดงถึงความไว้วางใจและความเกี่ยวข้อง การมีชื่อแบรนด์ที่ถูกพูดถึงในเชิงบวก หรือปรากฏในบริบทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของคุณ ช่วยยกระดับ Authority ของเว็บไซต์ในมุมมองของเครื่องมือค้นหา

การลงทุนออกแบบกลยุทธ์ เช่น การทำแคมเปญ Digital PR หรือการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงบ่อยขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการเพิ่มอันดับในระยะยาว

E. การทำ Local SEO และ การทำ Off-Page SEO

สำหรับธุรกิจที่เน้นการเจาะตลาดในพื้นที่การทำ Local SEO มีบทบาทสำคัญในการช่วยเพิ่มการมองเห็นบนผลการค้นหา การทำงานร่วมกันกับกลยุทธ์ Off-Page อย่างเช่น การจัดการ Citation การกระตุ้นรีวิวเชิงบวก และการสร้างความน่าเชื่อถือในพื้นที่เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Citation: ข้อมูลธุรกิจที่เชื่อถือได้

Citation หมายถึงการที่ข้อมูลธุรกิจ เช่น ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ (NAP: Name, Address, Phone) ปรากฏบนแหล่งข้อมูลออนไลน์ต่างๆ เช่น ไดเรกทอรีธุรกิจ เว็บไซต์แนะนำร้านอาหาร หรือ Google Business Profile การมี Citation ที่ถูกต้องและสอดคล้องในทุกแหล่งข้อมูลช่วยเพิ่มความไว้วางใจให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างดี

อีกทั้ง Google ใช้ Citation เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยประเมินความเกี่ยวข้องและความน่าเชื่อถือในระดับท้องถิ่น ธุรกิจที่มี Citation ที่จัดการอย่างมืออาชีพจะได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นบนผลการค้นหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคำค้นหาที่มีคำว่า “ใกล้ฉัน” หรือ “ในพื้นที่ของฉัน”

รีวิวจากลูกค้า: เสียงสะท้อนที่มีคุณค่า

นอกจากนี้ รีวิวจากลูกค้าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีผลต่อการทำ Off-Page SEO และ Local SEO โดยตรง การรีวิวเชิงบวกที่มาจากลูกค้าที่พึงพอใจช่วยเพิ่มความไว้วางใจให้กับธุรกิจและยังช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหม่ รวมถึง Google ยังใช้รีวิวเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพของธุรกิจคุณอีกด้วย

วิธีการกระตุ้นรีวิวที่ได้ผล:

  • ขอรีวิวจากลูกค้าโดยตรง: หลังจากที่ลูกค้าได้รับบริการที่ดี ธุรกิจสามารถเชิญชวนให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นบนแพลตฟอร์ม เช่น Google Business Profile หรือ Facebook
  • ตอบรีวิวทั้งเชิงบวกและลบ: การตอบกลับรีวิวแสดงถึงความใส่ใจของธุรกิจ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

การจัดการ Google Business Profile

ถัดมา Google Business Profile หรือ GBP อีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจท้องถิ่น การอัปเดตข้อมูลบน GBP ให้ถูกต้องและครบถ้วน เช่น เวลาทำการ รูปภาพสินค้า หรือบริการที่เสนอ ช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณปรากฏอยู่บน Local Pack หรือผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องในพื้นที่

Local Backlinks: การสร้างความเชื่อมโยงในพื้นที่

สำหรับธุรกิจท้องถิ่น การได้รับ Backlink จากเว็บไซต์หรือองค์กรในพื้นที่ เช่น สมาคมธุรกิจท้องถิ่น เว็บไซต์ข่าวในชุมชน หรือโรงเรียนในพื้นที่ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่ม Authority ระดับท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น การทำงานร่วมกันระหว่างการทำ Off-Page SEO กับ Local SEO เป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้ามสำหรับการทำ SEO 2025 รวมถึง การจัดการ Citation การกระตุ้นรีวิว และการใช้ Google Business Profile อย่างเต็มประสิทธิภาพจะช่วยผลักดันธุรกิจของคุณให้โดดเด่นบนผลการค้นหาระดับท้องถิ่น

F. การทำ Off-Page SEO จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปี 2025

เนื่องจากการทำ Off-Page ไม่ใช่แค่ตัวเลือกเพิ่มเติมอีกต่อไป แต่กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ธุรกิจออนไลน์ทุกประเภทต้องให้ความสำคัญ ด้วยการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมเครื่องมือค้นหาและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ยังสามารถช่วยเสริมสร้าง Authority และ Trust ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญการจัดอันดับเว็บไซต์ในปัจจุบัน

  1. เครื่องมือค้นหาให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ: Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ ใช้ข้อมูลภายนอก เช่น Backlink คุณภาพ และการกล่าวถึงแบรนด์ เป็นตัวบ่งชี้ความน่าเชื่อถือและความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ของคุณไม่มีสัญญาณภายนอกที่แข็งแกร่ง อาจส่งผลเสียต่ออันดับของคุณ
  2. เพิ่มการแข่งขันบนโลกออนไลน์: เนื่องจากตลาดที่มีเว็บไซต์หลายล้านแห่ง การมีเนื้อหาคุณภาพและการปรับแต่ง On-Page SEO อาจไม่เพียงพอ ดังนั้น การทำ Off-Page จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับเว็บไซต์ของคุณผ่านการเชื่อมโยงกับแหล่งข้อมูลที่มี Authority
  3. ช่วยดึงดูดยอดผู้เข้าชมเว็บคุณภาพสูง: การได้ลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือสามารถนำผู้เข้าชมที่มีความสนใจเฉพาะเจาะจงมาสู่เว็บไซต์ของคุณ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มปริมาณการเข้าชม แต่ยังเพิ่มโอกาสการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้า
  4. เป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่สร้างผลลัพธ์ยั่งยืน: แม้ว่าการทำ Off-Page จะใช้เวลา แต่ผลลัพธ์ที่ได้มักคุ้มค่ากับการลงทุน Backlink คุณภาพและการกล่าวถึงแบรนด์ในแหล่งข้อมูลต่างๆ จะช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง

IV. กลยุทธ์การทำ Off-Page SEO ให้ได้ผลลัพธ์และความสำเร็จสำหรับปี 2025

กลยุทธ์

การประสบความสำเร็จด้านการทำ Off-Page ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา เรามาดูกลยุทธ์หลักที่ช่วยเพิ่ม Authority และ Trust ให้เว็บไซต์ของคุณ พร้อมผลักดันอันดับบนผลการค้นหาให้ดียิ่งขึ้น

การสร้าง Backlink ยังคงเป็นหัวใจของ การทำ Off-Page แต่ในปี 2025 คุณภาพจะมีความสำคัญมากกว่าปริมาณ การสร้าง Backlink ที่เชื่อมโยงจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องจะช่วยเพิ่ม Authority ให้เว็บไซต์ของคุณ

กลยุทธ์สำคัญในการสร้าง Backlink

  1. Guest Posting อย่างมืออาชีพ: การเขียนบทความเชิงลึกสำหรับเว็บไซต์อื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับ Backlink ที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพ
  2. Digital PR: การสร้างข่าวสารหรือเนื้อหาที่ดึงดูด เช่น งานวิจัยหรือการศึกษาเชิงลึก จะช่วยให้สื่อออนไลน์และบล็อกเกอร์นำเนื้อหาของคุณไปแชร์และลิงก์กลับมา
  3. การเชื่อมโยงในอุตสาหกรรม: สร้างความร่วมมือกับเว็บไซต์พันธมิตรในอุตสาหกรรม หรือใช้กลยุทธ์ Cross-Linking เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างลิงก์

B. การทำ Digital PR และการกล่าวถึงแบรนด์

นอกจากนี้ Digital PR กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทำ Off-Page SEO เช่นกัน เพราะการสร้างแคมเปญที่โดดเด่นและเป็นที่น่าสนใจสามารถช่วยเพิ่มการกล่าวถึงแบรนด์ และอาจนำไปสู่การได้รับ Backlink จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ

ตัวอย่างแนวทาง Digital PR

  • การสร้างเนื้อหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ
  • การสร้างแคมเปญ CSR ที่โดดเด่นสำหรับผู้ชม
  • การทำรายงานหรือสถิติที่สื่อหรือบล็อกเกอร์สามารถนำไปใช้

แม้ว่าการกล่าวถึงแบรนด์จะไม่มีลิงก์ แต่ยังคงสามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์และความไว้วางใจที่มีต่อแบรนด์ในสายตาของเครื่องมือค้นหา

C. การมีส่วนร่วมบน Social Media

แม้ว่า Social Media จะไม่ได้ส่งผลต่ออันดับโดยตรง แต่การมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Facebook, Instagram, Twitter หรือ LinkedIn จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นการแชร์เนื้อหา ดังนั้น Social Media เยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นและสนับสนุน

วิธีใช้ Social Media ให้เกิดผลสูงสุด

  1. สร้างเนื้อหาที่ดึงดูดใจ เช่น วิดีโอ หรืออินโฟกราฟิก
  2. ใช้แคมเปญ Influencer เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
  3. สร้าง Community บนแพลตฟอร์มที่เหมาะสม เช่น กลุ่ม Facebook หรือฟอรั่ม

D. การทำ Local SEO และการจัดการ Citation

สำหรับธุรกิจท้องถิ่น การจัดการ Citation และการทำ Local SEO อย่างเหมาะสมมีความสำคัญ การเพิ่มข้อมูลที่ถูกต้องบน Google Business Profile หรือไดเรกทอรีออนไลน์ เช่น Yelp จะช่วยเพิ่มการมองเห็นและความไว้วางใจในระดับท้องถิ่น

ขั้นตอนสำคัญ

  • ตรวจสอบและปรับปรุง Citation ให้ถูกต้องและสอดคล้องใบนทุกแพลตฟอร์ม
  • กระตุ้นการรีวิวจากลูกค้า
  • อัปเดตข้อมูลบน Google Business Profile อย่างสม่ำเสมอ

E. Influencer Marketing และการสร้างความร่วมมือออนไลน์

การทำงานร่วมกับ Influencer หรือ การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ ช่วยเพิ่มการมองเห็นและสร้างลิงก์ย้อนกลับอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลุ่มตลาดที่เฉพาะเจาะจง

วิธีใช้ Influencer Marketing

  • เลือก Influencer ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
  • ออกแบบแคมเปญที่สร้างคุณค่าและตอบโจทย์ความสนใจของผู้ติดตาม
  • ใช้คอนเทนต์ร่วม เช่น การสัมภาษณ์ หรือการรีวิว

V. การทำ Off-Page SEO ขั้นสูงสำหรับปี 2025

เนื่องการแข่งขันทางการตลาดออนไลน์ที่สูงมากยิ่งขึ้น ทำให้กลยุทธ์การทำ Off-Page แบบพื้นฐานอาจไม่เพียงพอในการแข่งขัน ดังนั้น การพัฒนาเทคนิคขั้นสูงเพื่อเพิ่ม Authority และ Trust ของเว็บไซต์จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะกลยุทธ์ที่เน้นคุณภาพและการเข้าถึงที่กว้างขึ้น อย่างเช่น การใช้ Influencer การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณ E-E-A-T และการสร้าง Backlink ผ่านมัลติมีเดีย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบได้ในระยะยาว

อีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการสร้าง Backlink คุณภาพสูงและเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง Influencer ไม่เพียงช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ แต่ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการแชร์เนื้อหาและสร้างลิงก์กลับมายังเว็บไซต์

วิธีใช้ Influencer Partnerships ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

  1. เลือก Influencer ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย: การทำงานร่วมกับ Influencer ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเดียวกันช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และทำให้ลิงก์ที่ได้มามีคุณค่าต่อ SEO มากขึ้น
  2. สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจร่วมกัน: อย่างเช่น การสัมภาษณ์ การรีวิวสินค้า หรือการทำแคมเปญร่วมที่สร้างคุณค่าให้กับผู้ติดตาม
  3. กระตุ้นการแชร์เนื้อหาในช่องทางต่างๆ: Influencer สามารถช่วยขยายการมองเห็นเนื้อหาไปยังผู้ติดตามของพวกเขา ซึ่งอาจนำไปสู่การได้รับ Backlink จากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติม

B. การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณ E-E-A-T

การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณ E-E-A-T ซึ่งย่อมาจาก

  • Experience – ประสบการณ์
  • Expertise – ความเชี่ยวชาญ
  • Authority – ความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม
  • Trustworthiness – ความไว้วางใจ

แนวคิดนี้ มาจากแนวทางของ Google ที่ใช้ประเมินคุณภาพเว็บไซต์และเนื้อหา การเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนนี้เกี่ยวข้องกับการทำให้เว็บไซต์แสดงให้เห็นว่ามีความน่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องในมุมมองของทั้งผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา เช่น การสร้างเนื้อหาที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญ การสร้าง Backlink จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การกระตุ้นรีวิว และการแสดงผลลัพธ์หรือประสบการณ์จริงที่สร้างความไว้วางใจ

1. สร้างเนื้อหาที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญ

การเผยแพร่บทความที่มีข้อมูลเชิงลึก เช่น งานวิจัย รายงาน หรือคู่มือเฉพาะทาง ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา รวมถึง การอ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในเนื้อหา เช่น บทความทางวิชาการ หรือรายงานจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง

2. เพิ่มคะแนน Authority ผ่าน Backlinks คุณภาพ

การสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ที่มี Authority เป็นหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มคะแนน E-E-A-T และเชื่อมโยงเว็บไซต์กับแหล่งข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น เว็บไซต์ข่าว หรือองค์กรในอุตสาหกรรม อีกทั้ง การใช้ Digital PR เพื่อเพิ่มการกล่าวถึงแบรนด์และลิงก์กลับมายังเว็บไซต์

3. สร้างความไว้วางใจด้วยรีวิวและ Citation
Google ให้ความสำคัญกับ Trust โดยใช้สัญญาณจากรีวิวของลูกค้าและ Citation ที่ถูกต้อง บวกกับกระตุ้นรีวิวเชิงบวกจากลูกค้าบนแพลตฟอร์ม เช่น Google Business Profile และอัปเดตข้อมูลธุรกิจบนไดเรกทอรีท้องถิ่นอย่างสม่ำเสมอ

4. เพิ่มประสบการณ์ที่น่าเชื่อถือ

การแสดงประสบการณ์ที่แท้จริง เช่น การแสดงคำวิจารณ์เชิงบวกจากลูกค้าหรือกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์

VI. การวัดผลและติดตามความสำเร็จของ Off-Page SEO

วัดผลลัพธ์-off-page

นอกจากจะช่วยให้คุณทราบว่ากลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลเพียงใด ยังช่วยให้คุณติดตามข้อมูลเชิงลึก อย่างเช่น Backlink คุณภาพ การกล่าวถึงแบรนด์ และการมีส่วนร่วมบน Social Media สามารถช่วยให้คุณปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการทำ Off-Page ได้อย่างต่อเนื่อง

A. ตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องติดตาม

อีกทั้ง มุมมองของ SEO หมายถึง ตัวชี้วัดหรือดัชนีสำคัญที่ใช้ประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Off-Page อย่างเช่น จำนวนและคุณภาพของ Backlinks, Domain Authority, Citation, หรือรีวิวจากลูกค้า เป็นต้น การติดตามตัวชี้วัดเหล่านี้ช่วยให้เราทราบว่ากลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลดีเพียงใด และช่วยการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในอนาคตได้

  1. จำนวนและคุณภาพของ Backlinks:
    • Backlink จากเว็บไซต์ที่มี Authority สูง เช่น บล็อกที่เกี่ยวข้อง หรือเว็บไซต์องค์กร
    • ตรวจสอบแหล่งที่มาของ Backlink ว่ามีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหรือไม่
  2. Domain Authority (DA) และ Domain Rating (DR):
    • ค่าคะแนนจากเครื่องมือ เช่น Ahrefs หรือ Moz ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของเว็บไซต์
    • เว็บไซต์ที่มี DA หรือ DR สูงช่วยเพิ่มคะแนน SEO ของคุณ
  3. Citation และรีวิวออนไลน์:
    • จำนวน Citation และความสอดคล้องของข้อมูล เช่น ชื่อธุรกิจ เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ (NAP)
    • รีวิวเชิงบวกบนแพลตฟอร์ม เช่น Google Business Profile
  4. การกล่าวถึงแบรนด์:
    • จำนวนครั้งที่แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงบนบทความข่าว เว็บบล็อก หรือ Social Media
  5. ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์จากแหล่งอ้างอิง
    • ตรวจสอบว่าผู้ใช้งานที่มาจากลิงก์อ้างอิงมีอัตราการมีส่วนร่วมอย่างไร เช่น ระยะเวลาการอยู่บนหน้าเว็บไซต์

B. เครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์การทำ Off-Page SEO

เครื่องมือ SEO อย่างเช่น การวิเคราะห์ Backlinks การติดตามการกล่าวถึงแบรนด์ หรือการตรวจสอบ Citation เพื่อให้สามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ SEO ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  1. Ahrefs: ใช้ตรวจสอบ Backlinks คุณภาพ วิเคราะห์ Domain Rating และค้นหาโอกาสในการสร้าง Backlink ใหม่
  2. SEMrush: ช่วยวิเคราะห์การกล่าวถึงแบรนด์ และดูการจัดอันดับคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
  3. Google Analytics: ติดตามปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์จากแหล่งอ้างอิง และตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใช้งาน
  4. Google Search Console: ตรวจสอบ Backlinks และค้นหาปัญหาที่อาจมีผลต่อการจัดอันดับ SEO
  5. Moz: ใช้วิเคราะห์ Domain Authority และหาโอกาสในการสร้างลิงก์คุณภาพ

C. การปรับกลยุทธ์ของคุณให้เหมาะสมตามข้อมูลเชิงลึก

หมายถึง การนำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์และติดตามผล อย่างเช่น ประสิทธิภาพของ Backlinks, การมีส่วนร่วมใน Social Media หรือรีวิวจากลูกค้า มาปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ Off-Page ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและสถานการณ์ปัจจุบัน

1. วิเคราะห์จุดอ่อนและปรับปรุง Backlink Profile

  • หากพบว่ามี Backlink คุณภาพต่ำ ให้ดำเนินการลบหรือ Disavow
  • เสริมสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือ

2. ปรับปรุง Citation ให้สอดคล้อง

  • ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูล NAP ที่ไม่ตรงกันบนไดเรกทอรีธุรกิจ

3. เพิ่มการมีส่วนร่วมผ่าน Social Media

  • ใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการแชร์และความคิดเห็นมาปรับแคมเปญ Social Media ให้ดึงดูดมากขึ้น

4. ปรับแผน Digital PR

  • สร้างแคมเปญที่ดึงดูดใจ เพื่อเพิ่มการกล่าวถึงแบรนด์และการแชร์เนื้อหา

อ่านบทความ SEO คืออะไร: คู่มือเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ฉบับสมบูรณ์ 2025

VII. การทำ Off-Page SEO กับคำถามที่พบบ่อย

การรวบรวมคำถามที่ผู้ใช้งานหรือผู้อ่านมักสงสัยเกี่ยวกับการทำ Off-Page SEO พร้อมคำตอบที่ช่วยให้เข้าใจเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น คำถามเกี่ยวกับ Backlink, Citation, การกล่าวถึงแบรนด์ หรือการใช้กลยุทธ์ Social Media ให้เกิดประโยชน์ต่อ SEO

ความแตกต่างระหว่าง On-Page และ Off-Page คืออะไร?

On-Page SEO คือการปรับแต่งเนื้อหาและโครงสร้างภายในเว็บไซต์ เช่น การใช้คีย์เวิร์ดในบทความ การปรับ Meta Tag และการเพิ่มความเร็วเว็บไซต์
Off-Page SEO คือการดำเนินกลยุทธ์ภายนอกเว็บไซต์ เช่น การสร้าง Backlink การกล่าวถึงแบรนด์ (Brand Mentions) และการมีส่วนร่วมบน Social Media เพื่อเสริมสร้าง Authority และ Trust ให้กับเว็บไซต์
ทั้งสองส่วนมีบทบาทสำคัญและต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Backlink ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาได้อย่างไร?

Backlink เป็นเหมือนการแนะนำจากเว็บไซต์อื่นที่บอก Google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือและเกี่ยวข้อง การมี Backlink จากแหล่งข้อมูลที่มี Authority สูงช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือและทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพ
ตัวอย่างเช่น หากคุณได้รับ Backlink จากเว็บไซต์ข่าวชั้นนำ Google จะพิจารณาว่าเนื้อหาของคุณมีความเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเดียวกันและเหมาะสมที่จะจัดอันดับสูงขึ้น

สัญญาณของ Social ส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรงหรือไม่?

เช่น การแชร์ การกดไลก์ หรือการแสดงความคิดเห็นบน Social Media ไม่มีผลโดยตรงต่อการจัดอันดับ SEO อย่างไรก็ตาม Social Media มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มการมองเห็นเนื้อหาและสร้างโอกาสในการได้รับ Backlink จากแหล่งอื่นๆ ซึ่งช่วยสนับสนุน Off-Page ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการติดตามประสิทธิภาพ Off-Page คืออะไร?

Ahrefs: ตรวจสอบ Backlink Profile และวิเคราะห์ Domain Rating (DR)
SEMrush: ช่วยติดตามการกล่าวถึงแบรนด์ (Brand Mentions) และวิเคราะห์การจัดอันดับ
Moz: ใช้วิเคราะห์ Domain Authority (DA) และหาโอกาสในการสร้างลิงก์
Google Analytics: ติดตามทราฟฟิกจากแหล่งอ้างอิงและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน
Google Search Console: ตรวจสอบ Backlinks และค้นหาโอกาสในการปรับปรุง SEO

การทำ Off-Page ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผล?

โดยทั่วไป อาจใช้เวลา 3-6 เดือนหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และอุตสาหกรรมของคุณ การสร้าง Backlink คุณภาพ การได้รับการกล่าวถึงแบรนด์ และการปรับปรุง Citation ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเริ่มส่งผลต่ออันดับการค้นหา

เราสามารถควบคุมการกล่าวถึงแบรนด์ที่ไม่มีลิงก์ได้หรือไม่?

แม้คุณจะไม่สามารถควบคุมการกล่าวถึงแบรนด์ที่ไม่มีลิงก์ได้โดยตรง แต่คุณสามารถติดต่อเจ้าของเว็บไซต์หรือบล็อกที่กล่าวถึงแบรนด์ของคุณ เพื่อขอให้เพิ่มลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เผยแพร่เนื้อหาเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในอนาคต

การทำ Off-Page สำคัญสำหรับธุรกิจท้องถิ่นหรือไม่?

สำคัญมากเพราะการทำ Local SEO เป็นส่วนหนึ่งของ Off-Page ที่ช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นเพิ่มการมองเห็น เช่น การจัดการ Citation การกระตุ้นรีวิวจากลูกค้า และการอัปเดตข้อมูลใน Google Business Profile จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการจัดอันดับในพื้นที่

คุณภาพ Backlink ทุกลิงก์มีค่าเท่ากันหรือไม่?

ไม่เท่ากัน เนื่องจาก Backlink จากเว็บไซต์ที่มี Authority สูงและเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของคุณมีค่ามากกว่า Backlink จากเว็บไซต์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือมีคุณภาพต่ำ การมุ่งเน้นที่ Backlink คุณภาพช่วยเพิ่มคะแนน SEO ได้ดีกว่าการสะสมลิงก์จำนวนมากจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

พร้อมที่จะครองอันดับบนผลการค้นหาปี 2025 แล้วหรือยัง?
เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ และคว้าอันดับสูงสุดบนเครื่องมือค้นหา มาร่วมวางกลยุทธ์ Off-Page SEO ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเป้าหมายของคุณ ติดต่อเอเจนซี่รับทำ SEO ของเราวันนี้ และเริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จไปพร้อมกัน