Domain Authority คืออะไร? สำคัญอย่างไร? และวิธีปรับปรุง

domain-authority

Table of Contents

Domain Authority คืออะไร? คำถามนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO โดย Domain Authority (DA) เปรียบเสมือน “คะแนนความน่าเชื่อถือ” ของเว็บไซต์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการจัดอันดับบน Google ยิ่งคะแนนสูง เว็บไซต์ยิ่งมีโอกาสแสดงผลในอันดับต้น ๆ มากขึ้น

Domain Authority คืออะไร? สำคัญอย่างไร?

พื้นฐานของ Domain Authority คืออะไร

Domain Authority (DA) คือ คะแนนที่พัฒนาโดย Moz เพื่อทำนายว่าเว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับในเครื่องมือค้นหามากน้อยเพียงใด ค่าคะแนนอยู่ในช่วง 1 ถึง 100 ซึ่งคะแนนที่สูงบ่งบอกถึงอำนาจและความน่าเชื่อถือที่มากขึ้น แต่ขอให้เข้าใจให้ชัดเจนว่า Google ไม่ได้ใช้ DA ในอัลกอริธึมการจัดอันดับของตัวเอง เพราะ ค่า DA เป็นเพียงค่าชี้วัดจากบุคคลที่สาม ไม่ใช่ปัจจัยจัดอันดับของ Google อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ที่มี DA สูงมักจะมีอันดับที่ดี เนื่องจาก DA พิจารณาปัจจัยที่ Google ให้ความสำคัญ เช่น Backlinks, คุณภาพของเนื้อหา และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

ถ้า Google ไม่ได้ใช้ Domain Authority แล้วทำไมมันถึงสำคัญ?

นี่คือเหตุผลที่ DA ยังคงมีประโยชน์:

  • เปรียบเทียบกับคู่แข่ง – DA ช่วยให้คุณวัดระดับอำนาจของเว็บไซต์เมื่อเทียบกับคู่แข่ง หากเว็บไซต์คู่แข่งอันดับต้น ๆ มี DA 60 แต่ของคุณมีเพียง 25 แสดงว่าคุณยังต้องพัฒนาอีกมาก
  • ตัวบ่งชี้คุณภาพของ Backlink – DA สูงมักบ่งชี้ว่าเว็บไซต์มี โปรไฟล์ Backlink ที่แข็งแกร่ง เนื่องจาก Backlink เป็นปัจจัยจัดอันดับที่แท้จริง การเพิ่ม DA ผ่านการสร้างลิงก์คุณภาพสูงจึงช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับดีขึ้น
  • ตัวชี้วัดการเติบโตของ SEO – แม้ว่า DA จะไม่ใช่เวทมนตร์ที่ทำให้ติดอันดับได้ทันที แต่มันช่วยติดตามความคืบหน้าได้ หากค่า DA ของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่ากลยุทธ์ SEO ของคุณกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Domain Authority คืออะไร

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Domain Authority ไม่ใช่ปัจจัยจัดอันดับโดยตรงของ Google แต่การที่เว็บไซต์มี DA 70 ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถแซงหน้าเว็บไซต์ที่มี DA 50 ได้โดยอัตโนมัติ เพราะ Google ไม่ได้ใช้ DA ในการคำนวณอันดับ สิ่งที่สำคัญกว่าคือ คุณภาพของ Backlink เนื้อหา และกลยุทธ์ การทำ SEO โดยรวม

ดังนั้น คุณควรหมกมุ่นอยู่กับคะแนน DA หรือไม่? ไม่จำเป็น แต่ควรติดตามและพยายามปรับปรุงหรือไม่? แน่นอน ตอนนี้เรารู้แล้วว่า DA คืออะไร มาดูกันว่ามันถูกคำนวณอย่างไร (เพราะมันไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา ๆ)

ค่า Domain Authority คำนวณอย่างไร?

Domain Authority คำนวณอย่างไร

หาก DA เป็นเพียงตัวเลขง่าย ๆ ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก แต่เบื้องหลังของคะแนนนี้คือ อัลกอริธึมที่ซับซ้อน ซึ่งวิเคราะห์ปัจจัยหลายอย่างเพื่อตีค่าความสามารถของเว็บไซต์ในการติดอันดับ การเข้าใจวิธีคำนวณ DA ไม่ได้มีประโยชน์แค่สำหรับผู้เชี่ยวชาญ SEO เท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่แข็งแกร่งขึ้นด้วย

สูตรคำนวณค่า DA ของ Moz: สิ่งที่เราควรรู้

Moz ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง DA ไม่ได้เปิดเผยสูตรคำนวณที่แท้จริง แต่เราทราบว่า มีปัจจัยมากกว่า 40 รายการ ที่นำมาใช้ในการประเมินคะแนน DA ของเว็บไซต์

ปัจจัยที่สำคัญที่สุด ได้แก่:

กล่าวคือ Backlink คือหัวใจของ DA แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกลิงก์จะมีค่าเท่ากัน

  • ลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจสูง (เช่น The New York Times หรือ Forbes) มีค่ามากกว่าลิงก์จากเว็บไซต์ทั่วไปหลายสิบเท่า
  • ความเกี่ยวข้องก็สำคัญ หากเว็บไซต์ด้านการตลาดลิงก์ไปยังบทความเกี่ยวกับ SEO นั่นมีค่ามากกว่าลิงก์จากเว็บไซต์ทำอาหาร
  • ความหลากหลายของแหล่งที่มาก็ช่วยได้ การมี Backlink จากบล็อก เว็บไซต์ข่าว ไดเรกทอรี และเว็บไซต์เฉพาะทางเป็นสัญญาณของโปรไฟล์ลิงก์ที่ดี

ไม่ใช่ทุกลิงก์ที่มีมูลค่าเท่ากัน พลังของลิงก์ขึ้นอยู่กับว่าต้นทางมีอำนาจมากแค่ไหน ถ้าเว็บไซต์ที่มี DA สูงลิงก์ไปยัง 500 เว็บไซต์ในหน้าเดียว ค่าของลิงก์เหล่านั้นจะลดลง แต่ถ้าลิงก์ไปยังเพียงไม่กี่แหล่งที่มีคุณภาพ แต่ละลิงก์ก็จะมีค่ามากขึ้น

3. โครงสร้างเว็บไซต์และ SEO ทางเทคนิค

หาก Google ไม่สามารถเข้าถึงและทำความเข้าใจเว็บไซต์ของคุณได้ดี อันดับก็อาจได้รับผลกระทบ แม้ว่าคุณจะมี Backlink ที่แข็งแกร่งก็ตาม Moz ใช้ปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย:

  • โครงสร้างลิงก์ภายใน หรือ Internal Links: เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างดีช่วยกระจายอำนาจของลิงก์ได้อย่างเหมาะสม
  • ความเร็วเว็บไซต์: เว็บไซต์ที่โหลดเร็วมีแนวโน้มที่จะติดอันดับดีกว่า
  • ความเป็นมิตรกับมือถือ: นับตั้งแต่การอัปเดต Mobile-First Indexing ของ Google เว็บไซต์ที่ไม่รองรับมือถือมีโอกาสถูกลดอันดับ
  • ข้อผิดพลาด 404 และลิงก์เสีย: หน้าเสียจำนวนมากอาจเป็นสัญญาณของการดูแลเว็บไซต์ที่ไม่ดี

4. อายุโดเมนและความน่าเชื่อถือในอดีต

เว็บไซต์ที่มีอายุโดเมนนานและมีประวัติที่ดีมักจะมี DA สูงกว่า แต่แค่เว็บไซต์เก่าอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องมี ประวัติการเผยแพร่เนื้อหาคุณภาพและได้รับ Backlink คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง

ระบบคะแนน DA ทำงานอย่างไร (และทำไมยิ่งสูงยิ่งยากขึ้น)

DA ใช้ มาตราส่วนแบบลอการิทึม (logarithmic) ซึ่งหมายความว่า:

  • การเพิ่ม DA จาก 10 ไป 20 ทำได้ง่ายด้วย Backlink คุณภาพไม่กี่ตัว
  • การเพิ่ม DA จาก 40 ไป 50 ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เช่น การได้รับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจมากขึ้น
  • การเข้าถึงระดับ 70+ เป็นเรื่องของเว็บไซต์ระดับแนวหน้าเท่านั้น (เช่น Wikipedia, Google, Amazon) ซึ่งมีโปรไฟล์ลิงก์ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

ดังนั้น หากเว็บไซต์ของคุณเพิ่งเริ่มต้น อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่ แต่ควรเน้นการแซงหน้าคู่แข่งภายในกลุ่มอุตสาหกรรมของคุณก่อน

ทำไมคะแนน Domain Authority ของคุณอาจเปลี่ยนแปลง?

Moz อัปเดตค่าคะแนน DA อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นหากคะแนนของคุณขึ้นหรือลง อาจไม่ใช่เพราะคุณทำอะไรผิดเสมอไป

  • Moz อัปเดตอัลกอริธึม อาจทำให้คะแนนเว็บไซต์หลายแห่งเปลี่ยนแปลง
  • คู่แข่งได้รับ Backlink คุณภาพเพิ่มขึ้น ทำให้ DA ของพวกเขาสูงขึ้น และของคุณดูต่ำลง
  • Moz ค้นพบลิงก์ใหม่ที่ชี้มายังเว็บไซต์ของคุณ อาจช่วยเพิ่มคะแนน DA

คะแนน Domain Authority ที่ดีควรเป็นเท่าไหร่?

คะแนน DA ที่ดีควรเป็นเท่าไหร่

เป็นเรื่องง่ายที่หลายคนจะคิดว่าคะแนน Domain Authority (DA) ที่สูงขึ้นย่อมดีกว่า เพราะถ้า DA เป็นตัววัดศักยภาพในการจัดอันดับของเว็บไซต์ คะแนน DA 80 ก็ควรเป็นเป้าหมายที่ดีใช่ไหม?

แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป DA ที่ดีขึ้นอยู่กับบริบทของอุตสาหกรรมและการแข่งขันของคุณ เว็บไซต์เล็ก ๆ ที่มี DA 30 อาจถือว่ายอดเยี่ยมในกลุ่มตลาดเฉพาะทาง (niche blog) ในขณะที่เว็บไซต์ข่าวขนาดใหญ่ที่มี DA 50 อาจถือว่าอ่อนแอเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน

สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่า DA มีความหมายอย่างไรในอุตสาหกรรมของคุณ และใช้เป็นตัวชี้วัดเปรียบเทียบกับเว็บไซต์คู่แข่งแทนที่จะมุ่งเน้นที่ตัวเลขเพียงอย่างเดียว

ค่า DA ที่ดีขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและการแข่งขันของคุณ ไม่มีค่ามาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับทุกเว็บไซต์

  • 1-20: เว็บไซต์ใหม่หรือเว็บไซต์เล็กที่ยังไม่มี Backlink มากนัก
  • 20-40: เว็บไซต์ที่กำลังเติบโตและเริ่มมีอำนาจในกลุ่มของตน
  • 40-60: เว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและมีโปรไฟล์ Backlink แข็งแกร่ง
  • 60-80: เว็บไซต์ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
  • 80+: เว็บไซต์ระดับโลก เช่น Wikipedia หรือ Amazon
ค่า DA

สำหรับเว็บไซต์ทั่วไป ค่า DA ระหว่าง 30-50 ถือว่าแข็งแกร่ง และค่า 50+ จะทำให้คุณได้เปรียบคู่แข่ง

คะแนน DA สูงไม่ได้หมายความว่าติดอันดับสูงเสมอไป

ความจริงที่ต้องยอมรับคือ DA ไม่ใช่ปัจจัยจัดอันดับโดยตรงของ Google เนื่องจาก Google ไม่ได้พิจารณาคะแนน DA เมื่อตัดสินใจว่าเว็บไซต์ของคุณควรติดอันดับที่ไหน เว็บไซต์ที่มี DA สูงอาจแพ้เว็บไซต์ที่มี DA ต่ำกว่าได้ หาก:

  • เว็บไซต์ที่มี DA ต่ำกว่า มีเนื้อหาที่ดีกว่าและตรงกับเจตนาของผู้ค้นหามากกว่า
  • เว็บไซต์ที่มี DA สูงกว่า มีประสบการณ์ผู้ใช้ที่แย่ เช่น โหลดช้า ไม่รองรับมือถือ หรือมีอัตราตีกลับสูง
  • เว็บไซต์ที่มี DA ต่ำกว่า มีโครงสร้างลิงก์ภายในที่แข็งแกร่งกว่า ทำให้ Google เข้าใจและจัดอันดับหน้าเพจได้ง่ายขึ้น

ดังนั้น DA เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ SEO โดยรวม เป็นตัวชี้วัดที่ดีเกี่ยวกับอำนาจของเว็บไซต์ แต่ไม่ได้รับประกันการติดอันดับโดยอัตโนมัติหากไม่มีเนื้อหาคุณภาพและกลยุทธ์ SEO ที่แข็งแกร่ง

วิธีเช็คคะแนน Domain Authority ของคุณ

วิธีเช็คคะแนน Domain Authority

หากคุณอยากรู้คะแนน DA ของเว็บไซต์คุณสามารถใช้เครื่องมือ SEO ฟรีได้ดังนี้:

  • เช็คค่าโดเมนกับ Moz’s – แหล่งข้อมูลดั้งเดิมของคะแนน DA
  • Ahrefs (Domain Rating – DR) – ค่าคล้าย DA แต่ใช้สูตรของ Ahrefs
  • SEMrush (Authority Score) – อีกตัวเลือกที่คำนวณจากคุณภาพของ Backlink และปริมาณการเข้าชม
  • Ubersuggest & Small SEO Tools – เครื่องมือฟรีที่ใช้ข้อมูลจาก Moz

การเช็ค DA อย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณติดตามความก้าวหน้าใน SEO ได้ แต่ไม่ควรหมกมุ่นกับการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น ให้โฟกัสที่ การเติบโตในระยะยาว และการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน

วิธีเพิ่มคะแนน Domain Authority คืออะไร (โดยไม่ใช้เทคนิคที่ผิด)

ตอนนี้คุณรู้แล้วว่า DA ไม่ใช่ปัจจัยจัดอันดับโดยตรง แต่คะแนน DA ที่สูงขึ้นมักจะสัมพันธ์กับโปรไฟล์ Backlink ที่แข็งแกร่งขึ้น เนื้อหาที่มีคุณภาพ และการมองเห็นในผลการค้นหาที่ดีขึ้น ดังนั้น จะเพิ่ม DA อย่างถูกต้องได้อย่างไร? คำตอบคือ สร้าง Backlink คุณภาพสูง ปรับปรุง SEO ทางเทคนิค และสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า

สิ่งที่คุณต้องจำให้ขึ้นใจคือ Backlink ไม่ได้มีค่าเท่ากันทุกลิงก์ ลิงก์บางประเภทจะช่วยเพิ่มอำนาจของเว็บไซต์ ในขณะที่บางลิงก์อาจทำให้โดนลงโทษจาก Google ได้ อีกทั้ง Search Engine อย่าง Google ได้ปราบปรามเทคนิคลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมมานานหลายปี ดังนั้นการซื้อ Backlink หรือการใส่ลิงก์แบบสุ่ม ๆ ไม่ได้ผลอีกต่อไป

  • ได้ลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจและเกี่ยวข้อง – ลิงก์จากเว็บไซต์ DA 80+ อาจมีค่ามากกว่าลิงก์จากเว็บไซต์ DA 10 หลายร้อยลิงก์ เน้นลิงก์จากแหล่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
  • Guest Posting (อย่างมีกลยุทธ์)การเขียนบทความให้เว็บไซต์คุณภาพในอุตสาหกรรมของคุณยังคงเป็นวิธีที่ดีในการสร้างลิงก์ หลีกเลี่ยงเว็บ Guest Post คุณภาพต่ำที่มีแต่ลิงก์สร้างมาเพื่อ SEO เท่านั้น
  • HARO (Help a Reporter Out) – นักข่าวมักมองหาผู้เชี่ยวชาญในการให้ข้อมูล หากคุณให้ความรู้ที่มีค่า คุณอาจได้รับลิงก์จากสื่อชั้นนำ
  • Digital PR และ Content Marketing – การเผยแพร่ งานวิจัย กรณีศึกษา และข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ จะช่วยดึงดูดลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจสูง
  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและเป็นแหล่งข้อมูลInfographic, เครื่องมือออนไลน์ และบทความที่ครอบคลุมมักจะถูกอ้างอิงโดยเว็บไซต์อื่น ทำให้คุณได้รับลิงก์โดยธรรมชาติ

เรียนรู้เพิ่มเติม Link Building: วิธีการสร้างลิงก์คุณภาพเพื่อผลลัพธ์ SEO สูงสุดในปี 2025

2. ปรับปรุง SEO ทางเทคนิคของเว็บไซต์

การมี DA สูงจะไม่ช่วยอะไรมาก หากเว็บไซต์ของคุณช้า โครงสร้างไม่ดี หรือใช้งานยาก Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว มีโครงสร้างที่เหมาะสม และสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งส่งผลต่อ DA ด้วย

เทคนิค SEO สำคัญที่ช่วยเพิ่ม DA

  • เพิ่มความเร็วเว็บไซต์ – เว็บไซต์ที่โหลดช้าเพิ่มอัตราตีกลับและทำให้เสียอันดับ ใช้ Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบและแก้ไข
  • แก้ไขลิงก์เสียและ Redirects – 404 Error และการ Redirect ที่ผิดพลาดอาจทำให้ Google จัดการเว็บไซต์ของคุณยากขึ้น ใช้ Screaming Frog หรือ Ahrefs เพื่อตรวจสอบ
  • ใช้ลิงก์ภายในให้ถูกต้อง – ลิงก์ภายในช่วยกระจาย PageRank และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับหน้าอืน ๆ บนเว็บไซต์
  • รองรับมือถือ – ด้วย Mobile-First Indexing เว็บไซต์ที่ไม่รองรับมือถือจะมีโอกาสเสียอันดับ ใช้ Google Mobile-Friendly Test เพื่อตรวจสอบ
  • เปลี่ยนเป็น HTTPS – หากเว็บไซต์ของคุณยังใช้ HTTP ควรเปลี่ยนเป็น HTTPS ทันที เพราะ Google ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมาตั้งแต่ปี 2014

3. สร้างเนื้อหาคุณภาพสูงและน่าแชร์

ถ้าคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณได้รับ Backlink โดยธรรมชาติ คุณต้องมีเนื้อหาที่คุ้มค่าแก่การลิงก์ไปหา บทความ 500 คำเกี่ยวกับ “SEO Tips” อาจไม่เพียงพอในปัจจุบัน

  • คู่มือฉบับสมบูรณ์ & คอนเทนต์ Evergreen – เนื้อหาที่ครอบคลุมมีแนวโน้มที่จะติดอันดับและได้รับลิงก์ในระยะยาว
  • งานวิจัยและข้อมูลใหม่ – หากคุณเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เคยมีมาก่อน บล็อกเกอร์และสื่อมักจะลิงก์กลับมาหา
  • อินโฟกราฟิกและคอนเทนต์แบบภาพ – การออกแบบที่ดีช่วยให้เนื้อหาของคุณถูกแชร์มากขึ้น และได้รับลิงก์จากแหล่งต่าง ๆ
  • กรณีศึกษาในอุตสาหกรรม – ผู้คนชอบดูตัวอย่างจริงว่ากลยุทธ์ต่าง ๆ ทำงานอย่างไร กรณีศึกษาจึงเป็นแหล่งข้อมูลที่ได้รับความสนใจสูง

4. โปรโมตเนื้อหา (เพราะแค่สร้างอย่างเดียวไม่พอ)

เนื้อหาที่ยอดเยี่ยมจะไม่มีค่า หากไม่มีใครเห็น การทำ Link Building ที่ประสบความสำเร็จมักมาพร้อมกับกลยุทธ์โปรโมตที่ดี

  • ติดต่อผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรม – หากคุณพูดถึงใครในบทความของคุณ แจ้งให้พวกเขาทราบ พวกเขาอาจแชร์หรือให้ลิงก์กลับมา
  • ใช้โซเชียลมีเดีย & LinkedIn – การแชร์คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับลิงก์
  • ส่งอีเมลไปยังผู้ติดตาม – หากคุณมีอีเมลลิสต์ ใช้มันเพื่อกระตุ้นทราฟฟิกไปยังคอนเทนต์ที่ดีที่สุดของคุณ
  • ปรับใช้คอนเทนต์กับแพลตฟอร์มอื่น ๆ – บทความสามารถเปลี่ยนเป็นโพสต์ Twitter, วิดีโอ YouTube หรือแม้แต่เนื้อหา Podcast เพื่อเพิ่มการเข้าถึง

ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลจากการเพิ่ม DA?

การเพิ่ม DA ไม่สามารถทำได้ข้ามคืน โดยทั่วไปจะใช้เวลาหลายเดือนถึงเป็นปี โดยเฉพาะหากเว็บไซต์ของคุณมี DA ต่ำตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม หากคุณได้รับ Backlink คุณภาพสูง ปรับปรุง SEO ทางเทคนิค และสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าอย่างต่อเนื่อง คะแนน DA ของคุณจะเพิ่มขึ้นเองตามธรรมชาติ

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการเพิ่มค่า Domain Authority คืออะไร

  • ซื้อ Backlink – อาจช่วยเพิ่มคะแนนชั่วคราว แต่เมื่อ Google จับได้ เว็บไซต์ของคุณอาจถูกลงโทษ
  • โพสต์ Guest Post คุณภาพต่ำมากเกินไป – การเผยแพร่คอนเทนต์ที่ไร้คุณค่าเพื่อสร้างลิงก์ไม่ได้ช่วยเพิ่ม DA และอาจทำให้ SEO ของคุณแย่ลง
  • ละเลย SEO ทางเทคนิค – โปรไฟล์ลิงก์ที่แข็งแกร่งจะไม่มีค่า หากเว็บไซต์ของคุณโหลดช้า มีโครงสร้างไม่ดี หรือใช้งานยาก
  • ไล่ตาม DA แทนที่จะเน้นการเติบโตของ SEO จริง ๆ – DA เป็นเพียงตัวชี้วัด อย่าลืมโฟกัสที่การสร้างเว็บไซต์ที่แข็งแกร่ง ดึงดูดทราฟฟิก และมีอัตรา Conversion สูง

ต่อไปเราจะเจาะลึกว่าทำไม DA ถึงมีความผันผวน และเมตริก SEO อื่น ๆ อะไรอีกบ้างที่คุณควรติดตามควบคู่ไปด้วย

ทำไมค่า Domain Authority ถึงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ?

เพิ่มค่า DA

การติดตามค่า Domain Authority (DA) อาจเป็นเรื่องน่าหงุดหงิด โดยเฉพาะเมื่อคะแนนลดลง ทั้ง ๆ ที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ก่อนจะตื่นตระหนก ให้เข้าใจก่อนว่าค่าคะแนนที่เปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเรื่องปกติ และหลายครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับสิ่งที่คุณทำ

1. Moz อัปเดตอัลกอริธึมการคำนวณ

เช่นเดียวกับที่ Google อัปเดตอัลกอริธึมของตนเองเป็นประจำ Moz ก็ปรับเปลี่ยนวิธีคำนวณ DA เป็นระยะ ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้คะแนน DA ของเว็บไซต์หลายแห่งเปลี่ยนแปลง

หากค่า DA ของคุณลดลงหลังจากการอัปเดต แต่โปรไฟล์ Backlink ของคุณยังเหมือนเดิม อาจเป็นเพราะการปรับคะแนนโดย Moz เอง ไม่ใช่เพราะเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือลดลง

2. คู่แข่งของคุณเพิ่มค่า DA ของพวกเขา

DA เป็นตัวชี้วัดแบบเปรียบเทียบ คะแนนของคุณถูกคำนวณโดยอิงกับเว็บไซต์อื่น ๆ หากคู่แข่งได้รับ Backlink คุณภาพสูงและเพิ่มค่า DA ของพวกเขา อาจทำให้ค่า DA ของคุณดูต่ำลงโดยเปรียบเทียบ แม้ว่ากลยุทธ์ SEO ของคุณจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องติดตาม DA ควบคู่ไปกับคู่แข่ง อย่าโฟกัสแค่ตัวเลขของคุณเอง แต่ให้พยายามพัฒนาคุณภาพ Backlink อย่างต่อเนื่อง

DA ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากโปรไฟล์ Backlink หากคุณเพิ่งสูญเสียลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจสูง หรือได้รับลิงก์คุณภาพต่ำเป็นจำนวนมาก คะแนน DA ของคุณอาจลดลง

สาเหตุที่ทำให้สูญเสียลิงก์:

  • เว็บไซต์ที่ลิงก์มาหาคุณลบเนื้อหาหรืออัปเดตบทความ
  • เว็บไซต์ต้นทางลบลิงก์ของคุณออกจากเพจ
  • เว็บไซต์ที่เคยมีอำนาจสูงลดคุณภาพลง

ในทางกลับกัน หากคุณได้รับ Backlink จากเว็บไซต์ที่มี DA สูง ค่า DA ของคุณอาจเพิ่มขึ้นหลังจากการอัปเดตของ Moz ครั้งถัดไป

เนื่องจาก DA ใช้มาตราส่วนแบบลอการิทึม การเพิ่มคะแนนในระดับสูงทำได้ยากขึ้น หากเว็บไซต์ของคุณมี DA ต่ำ (เช่น 10-20) การเพิ่มขึ้นเป็น 30 อาจทำได้เร็วกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ในช่วง DA 50-60

เว็บไซต์ที่มี DA สูงต้องได้รับ Backlink คุณภาพสูงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือมากขึ้น เพื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน หาก DA ของคุณดูเหมือนจะหยุดนิ่ง อย่าหยุดสร้างลิงก์คุณภาพสูง และพัฒนา SEO โดยรวมอย่างต่อเนื่อง

วิธีตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของ DA

หากค่า DA ของคุณลดลง อย่าตื่นตระหนก แต่ให้โฟกัสที่:

  • ตรวจสอบโปรไฟล์ Backlink ของคุณเพื่อดูว่ามีลิงก์ใดหายไปหรือไม่ ใช้ Ahrefs หรือ Moz’s Link Explorer
  • เปรียบเทียบค่า DA ของคุณกับคู่แข่ง เพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโดยรวม
  • มุ่งเน้นที่การเติบโตของ SEO ในระยะยาวแทนที่จะไล่ตามคะแนน DA อย่างเดียว

นอกจาก Domain Authority คืออะไร แล้วการทำ SEO ควรวัดผลจากอะไรอีกบ้าง?

DA เป็นตัวชี้วัดที่ดี แต่ไม่ใช่ทุกอย่างของ SEO เว็บไซต์ที่มี DA สูง อาจไม่ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นหรือมี traffic เพิ่มขึ้นเสมอไป หากคุณต้องการวัดผล SEO อย่างครบถ้วน ต้องพิจารณาตัวชี้วัดอื่น ๆ ด้วย

1. ปริมาณ Organic Traffic

ต่างจาก DA ตรงที่ organic traffic เป็นตัวสะท้อนความสำเร็จของ SEO ได้โดยตรง หาก DA ของคุณเพิ่มขึ้นแต่ทราฟฟิกไม่ขยับ อาจหมายความว่าคุณให้ความสำคัญกับลิงก์มากเกินไป แต่ละเลยคุณภาพเนื้อหา และความตั้งใจของผู้ใช้ (Search Intent)

เครื่องมือที่ใช้ติดตาม:

  • Google Search Console – ตรวจสอบจำนวนคลิก อิมเพรสชัน และคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับ
  • Google Analytics – วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ ระยะเวลาบนหน้า และอัตราการมีส่วนร่วม

2. อันดับของคีย์เวิร์ด

แม้ว่า DA ที่สูงขึ้นอาจช่วยให้หน้าเว็บของคุณติดอันดับดีขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ติดตามอันดับของคีย์เวิร์ด คุณอาจไม่รู้เลยว่า SEO ของคุณได้ผลจริงหรือไม่

เครื่องมือที่ใช้ติดตาม:

  • ใช้ Ahrefs, SEMrush หรือ Google Search Console – ใช้เพื่อตรวจสอบอันดับของคีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดยาว (Long-Tail Keywords)
  • ติดตามความเปลี่ยนแปลง – หากอันดับคีย์เวิร์ดลดลงกะทันหัน อาจเป็นสัญญาณของการอัปเดตอัลกอริธึมหรือปัญหาทางเทคนิค

เนื่องจาก Backlink เป็นปัจจัยหลักในการคำนวณ DA การตรวจสอบว่าใครลิงก์มาหาคุณและคุณภาพของลิงก์เหล่านั้นเป็นสิ่งสำคัญ

เครื่องมือที่ใช้ติดตาม:

  • Moz’s Link Explorer, Ahrefs หรือ Majestic – ใช้เพื่อตรวจสอบโปรไฟล์ Backlink
  • ให้ความสำคัญกับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีอำนาจมากกว่าปริมาณลิงก์
  • ใช้ Disavow Tool เพื่อลบลิงก์ที่เป็นอันตรายหรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

4. การมีส่วนร่วมของผู้ใช้

แม้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะมี DA สูงและติดอันดับดี แต่หากไม่มีใครโต้ตอบกับเนื้อหาหรืออยู่บนเว็บไซต์นาน ๆ ก็อาจไม่ใช่สัญญาณที่ดี

ตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องดู:

  • Bounce Rate – อัตราตีกลับสูงอาจบ่งบอกว่าเนื้อหาไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้
  • เวลาเฉลี่ยบนหน้าเว็บ (Time on Page) – เวลาที่นานขึ้นบ่งบอกว่าเนื้อหามีคุณค่าและน่าสนใจ
  • Click-Through Rate (CTR) – หาก CTR ต่ำ อาจต้องปรับแต่ง Title Tags และ Meta Descriptions เพื่อการเพิ่ม CTR ให้กับเว็บไซต์

5. ใช้เกณฑ์ E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness)

EEAT กับค่า Domain Authority

Google ให้ความสำคัญกับ E-E-A-T ซึ่งหมายถึงประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ อำนาจ และความน่าเชื่อถือของเนื้อหา

วิธีปรับปรุง E-E-A-T:

  • เพิ่มข้อมูลของผู้เขียน – ระบุประวัติและความเชี่ยวชาญของผู้เขียนเนื้อหา
  • ใช้แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ – อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งที่เป็นที่ยอมรับ
  • รับ Backlink จากเว็บไซต์อุตสาหกรรมชั้นนำ – ลิงก์จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คุณ
  • อัปเดตเนื้อหาเป็นประจำ – ปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยเสมอ

เรียนรู้ SEO Checklist ล่าสุด: คู่มือติดอันดับ Google ด้วยเทคนิคที่ดีที่สุด

สรุป: Domain Authority คืออะไร ควรให้ความสำคัญแค่ไหน?

Domain Authrity เป็นเครื่องมือวัดผลที่ดี แต่ไม่ควรเป็นเป้าหมายสูงสุดของคุณ แทนที่จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มค่า DA เพียงอย่างเดียว ให้สร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ดึงดูดทราฟฟิก และมีประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี

ขั้นตอนต่อไป:

  • เช็คค่า DA ของคุณผ่าน Moz’s Free Domain Authority Checker
  • ติดตามอันดับคีย์เวิร์ดและโปรไฟล์ Backlink เพื่อพัฒนา SEO
  • เน้นกลยุทธ์ SEO ระยะยาวแทนที่จะไล่ตามตัวเลขเพียงอย่างเดียว

ด้วยแนวทางนี้ คุณจะสร้างอำนาจเว็บไซต์ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การเพิ่มคะแนน Domain Authority (DA) เท่านั้น แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ดึงดูดผู้เข้าชม และสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้

หากต้องการเพิ่มอันดับเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก ทีมที่ปรึกษา SEO ของเราพร้อมช่วยพัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้แข็งแกร่งขึ้น ติดต่อเราได้เลย!