ตั้งชื่อ URL สำหรับ SEO เพื่อการจัดอันดับที่ดีที่สุด

ตั้งชื่อ url ดีต่อ seo

Table of Contents

การทำ SEO นั้นมีปัจจัยสำคัญหลายอย่าง และแม้ว่าการ ตั้งชื่อ URL ให้ SEO มักจะถูกมองข้ามไปแต่ในความเป็นจริงแล้วมีความสำคัญมาก เพราะช่วยปรับปรุงอันดับของเว็บไซต์และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นให้กับผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ URL ที่มีโครงสร้างที่ดี อ่านง่าย และเข้าใจได้ง่ายสำหรับผู้ใช้งาน แต่ยังให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์แก่เครื่องมือค้นหา หรือ Search Engines ด้วยการตั้งชื่อลิงก์ที่ถูกต้องและเหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ยิ่ง URL นั้นชัดเจนและเกี่ยวข้องกับเนื้อหามากเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจและจัดอันดับหน้าเว็บของคุณบนหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาได้ด้ดีขึ้น

บทความนี้ เราจะอธิบายถึงวิธีการสร้าง URL ที่เป็นมิตรต่อ SEO แนวทางในการปรับปรุง และเหตุผลที่การตั้งชื่อ URL มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ SEO นอกจากนี้ เรายังจะพูดถึงข้อควรพิจารณาสำคัญสำหรับภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาไทย และวิธีจัดการการแปล URL ให้มีประสิทธิภาพ

วิธี ตั้งชื่อ URL ให้ SEO

ตั้งชื่อ URL

แม้ว่า การสร้าง URL เป็นปัจจัยรองของการจัดอันดับ แต่การตั้ง URL ที่ดีต่อ SEO คือที่อยู่เว็บที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับทั้งเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งาน ชื่อลิงก์เหล่านี้ควรกระชับ อธิบายได้ชัดเจน และประกอบด้วยคียเ์วิร์ดที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถจัดทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างของ URL ที่ดีต่อ SEO: “example.com/seo-friendly-urls”
ตัวอย่างนี้มีความสั้น กระชับ มีคีย์เวิร์ดที่ชัดเจน และให้ความเข้าใจทั้งแก่ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา

ตัวอย่างของ URL ที่ควรเลี่ยง: “example.com/index.php?id=57329&session=83722”
ชื่อลิงก์นี้ไม่ชัดเจน มีลักษณะเชิงเทคนิคมากเกินไป และไม่แสดงบริบทใด ๆให้กับผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา

ทำไมการตั้งชื่อลิงก์ให้ดีต่อ SEO จึงมีความสำคัญ

ตั้งชื่อ URL มีบทบาทสำคัญด้านเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์บน Search Engines

โดยมีเหตุผลสำคัญดังนี้:

  1. การจัดอันดับบน Google: แม้ว่า URL จะเป็นปัจจัยในการจัดอันดับที่เล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในสัญญาณ SEO ที่เครื่องมือค้นหาใช้ในการประเมินความเกี่ยวข้อง โครงสร้าง URL ที่ดีและมีการใส่คีย์เวิร์ดช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้ดียิ่งขึ้น
  2. ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น: ชื่อลิงก์ที่ชัดเจนและอ่านง่ายจะสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ว่าพวกเขาคลิกไปยังเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการ เมื่อ URL สอดคล้องกับเนื้อหาและเข้าใจได้ง่าย ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะคลิกและอยู่ในหน้าเว็บของคุณนานขึ้น
  3. การเพิ่มอัตราการคลิกผ่าน (CTR): ลิงก์ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างดีสามารถเพิ่มอัตราการคลิกผ่านของหน้าจากผลการค้นหา เมื่อผู้คนเห็น URL ที่ชัดเจนและตรงกับคำค้นหา พวกเขาจะมีแนวโน้มที่จะคลิกมากขึ้น
  4. การแชร์และการลิงก์ที่ดีขึ้น: URL ที่สะอาดและอ่านง่ายสามารถแชร์ได้ง่ายบนโซเชียลมีเดีย อีเมล หรือบนฟอรัมต่าง ๆ ผู้ใช้และผู้ดูแลเว็บไซต์คนอื่น ๆ ยังมีแนวโน้มที่จะลิงก์กลับมาที่หน้าเว็บของคุณมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างลิงก์และเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

ตอนนี้เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าทำไม URL ที่เป็นมิตรต่อ SEO จึงสำคัญ ลองมาดูวิธีปรับปรุงเพื่อผลลัพธ์การจัดอันดับที่ดีที่สุดในการสร้าง URL ที่เหมาะสมสำหรับทั้งเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งาน

วิธีปรับปรุงเพื่อผลลัพธ์การจัดอันดับที่ดีที่สุด

1. สร้าง URL ที่สั้นและอธิบายได้ชัดเจน

การตั้ง URL

การสร้างลิงก์ที่สั้น กระชับมักจะมีอันดับที่ดีกว่าบนเครื่องมือค้นหา เพราะอ่านง่าย แชร์ได้ง่าย และจดจำได้ง่าย ทางที่ดีควรสร้างลิงก์ URL ที่อธิบายเนื้อหาของหน้าได้อย่างชัดเจน และมีความยาวไม่เกิน 60 ตัวอักษร

ตัวอย่าง:

  • ชื่อลิงก์ที่ดี: “example.com/seo-tips”
  • ชื่อลิงก์ยาวเกินไป: “example.com/here-are-the-best-seo-tips-for-your-website-optimization”

อีกทั้ง การตั้ง URL ที่สั้นจะช่วยปรับปรุงทั้งประสบการณ์ผู้ใช้และการทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ในขณะที่ URL ที่ยาวและซับซ้อนอาจทำให้ผู้ใช้สับสนและอาจทำให้ CTR ลดลง

2. ใส่คีย์เวิร์ดเข้าแทรกบน URL

วิธีตั้ง URL

การใส่คีย์เวิร์ดเป้าหมายแทรกบนลิงก์ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจหัวข้อของหน้าเว็บได้ดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปควรใช้ตามธรรมชาติและไม่ซ้ำซ้อน

ตัวอย่าง:

  • ชื่อลิงก์ที่ดี: “example.com/seo-friendly-urls”
  • ชื่อลิงก์ที่ควรเลี่ยง: example.com/seo-friendly-urls-seo-best-urls

การใช้คีย์เวิร์ดแทรกชื่อลิงก์ทำให้เนื้อหาของคุณสอดคล้องกับคำค้นหา ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับที่ดีขึ้น

3. หลีกเลี่ยงการใช้คำหยุด

การตั้งชื่อลิงก์

คำหยุด เช่น “และ,” “หรือ,” “แต่,” และ “ของ” เหล่านี้ไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้กับลิงก์ แต่การลบคำเหล่านี้ออกทำให้ URL สั้นลงแต่ความหมายยังเหมือนเดิม

ตัวอย่าง:

  • มีคำหยุด: “example.com/the-best-ways-to-optimize-urls”
  • ไม่มีคำหยุด: “example.com/best-ways-optimize-urls”

การละเว้นใช้คำที่ไม่จำเป็นช่วยทำให้ URL ดูสะอาดขึ้น และง่ายต่อการจัดทำดัชนีโดยเครื่องมือค้นหา

4. การใช้ขีดกลาง (-) แยกคำ

ตั้งชื่อลิงก์ยังไง

เมื่อต้องการแยกคำบน URL ควรใช้ขีดกลาง (-) แทนขีดล่าง (_) เพราะ Google มองขีดกลางเป็นช่องว่าง ซึ่งช่วยทำให้อ่านง่ายขึ้น

ตัวอย่าง:

  • ลิงก์ที่ถูกต้อง: “example.com/seo-friendly-urls”
  • ลิงก์ที่ไม่ถูกต้อง: “example.com/seo_friendly_urls”

ตัวขีดกลางเป็นมาตรฐานที่ยอมรับสำหรับการ ตั้งชื่อ URL ดังนั้นจะช่วยให้ลิงก์ของคุณอ่านง่ายขึ้นทั้งสำหรับเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งาน

5. ใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็กเสมอ

การตั้งชื่อลิงก์-seo

อีกทั้ง การตั้งชื่อ URL ต้องนึงถึงตัวอักษรพิมพ์เล็กและใหญ่ ซึ่งหมายความว่าเป็นหน้าเว็บสองหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการทำบทความที่ซ้ำกันได้ อีกทั้งการใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็กจะช่วยลดความสับสนและสร้างความสม่ำเสมอเว็บไซต์ของคุณได้ดี

ตัวอย่าง:

  • URL ที่ถูกต้อง: “example.com/seo-tips”
  • URL ที่ไม่ถูกต้อง: “example.com/SEO-Tips”

6. หลีกเลี่ยงการใช้ตัวอักษรพิเศษและตัวเลข

ตั้งชื่อลิงก์ให้ SEO

ตัวอักษรพิเศษ เช่น “&,” “%,” “$,” และ “@” หรือการใช้ตัวเลขที่ไม่จำเป็นอาจทำให้ผู้ใช้งานสับสนและก่อให้เกิดปัญหาด้านการจัดทำดัชนีของเสิร์ชเอนจิ้น ควรใช้เฉพาะตัวอักษรและตัวเลขปกติ

ตัวอย่าง:

  • แนะนำ: “example.com/seo-guide”
  • ไม่แนะนำ: “example.com/seo@guide123%”

ชื่อ URL ที่สะอาดและอ่านง่ายช่วยลดข้อผิดพลาดและทำให้เครื่องมือค้นหาสามารถจัดทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. วิธี ตั้งชื่อ URL ให้สอดคล้องกับหัวเรื่องของหน้า

การตั้งชื่อ URL ของคุณควรสอดคล้องกับหัวเรื่องของหน้าเว็บนั้น ๆ แม้ว่ามันจะไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกคำ แต่การที่ ชื่อลิงก์อธิบายถึงเนื้อหาหลักของหน้าเว็บจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาเชื่อมโยงทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยการเพิ่มอันดับได้

ตัวอย่าง:

  • หัวเรื่องของหน้า: “วิธีสร้าง URL ที่เป็นมิตรต่อ SEO”
  • URL: “example.com/create-seo-friendly-urls”

นอกจากจะช่วยในเรื่องความเกี่ยวข้องแล้ว ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้ที่เห็นข้อความที่สอดคล้องกันระหว่างหัวเรื่องและชื่อลิงก์

8. ปรับแต่ง URL ให้เหมาะกับการค้นหาด้วยเสียง

ปรับแต่งชื่อ URL ดีต่อ SEO

เมื่อการค้นหาด้วยเสียงได้รับความนิยมมากขึ้น ควรปรับแต่งโครงสร้าง URL ให้สอดคล้องกับคำค้นหาที่เป็นประโยคสนทนา คนส่วนใหญ่จะใช้ประโยคที่ยาวขึ้นเมื่อทำการค้นหาด้วยเสียง ดังนั้นการปรับโครงสร้าง URL ให้สอดคล้องกับคำค้นหาเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่ม Traffic ได้

ตัวอย่าง URL สำหรับการค้นหาแบบดั้งเดิม: “example.com/seo-tips”
URL ที่เหมาะกับการค้นหาด้วยเสียง: “example.com/how-to-improve-seo”

การค้นหาด้วยเสียงยังคงเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหา ดังนั้นการเน้นการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติสามารถช่วยให้คุณเป็นผู้นำด้านการทำ SEO แบบค้นหาด้วยเสียง

ข้อควรพิจารณาพิเศษ: ตั้งชื่อ URL ภาษาต่างประเทศ (เช่น ภาษาไทย)

ชื่อ URL เพิ่มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณทำงานกับภาษาที่ไม่ใช้ตัวอักษรละติน เช่น ภาษาไทย การสร้าง URL ที่เป็นมิตรต่อ SEO อาจพบกับความท้าทาย ภาษาไทยมีระบบตัวอักษรที่ไม่สามารถแปลเป็น URL ที่สั้นและสะอาดได้ง่าย ๆ และไม่พิจารณาปัจจัยเหล่านี้

1. การถอดเสียง (Transliteration) กับ เทียบกับการแปล (Translation) URL

การถอดเสียง (Transliteration): การแปลงตัวอักษรภาษาไทยเป็นตัวอักษรละติน แม้ว่าวิธีนี้จะทำให้ URL อ่านได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับตัวอักษรละติน แต่ก็อาจทำให้ URL เข้าใจยากสำหรับผู้ใช้ที่เป็นคนไท

ตัวอย่าง URL ที่ถอดเสียง:

  • ชื่อหน้า: “การเพิ่มประสิทธิภาพ URL”
  • URL ที่ถอดเสียง: “example.com/kan-perm-prasit-thipap-url”

การแปล (Translation): แทนที่การถอดเสียงตัวอักษรภาษาไทย การแปลเนื้อหาใน URL เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นที่ใช้ตัวอักษรละตินเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง วิธีนี้อาจเหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนต่างชาติ แต่ก็อาจพลาดการค้นหาจากผู้ใช้ที่พูดภาษาไทย

ตัวอย่าง URL ที่แปล:

  • ชื่อหน้าภาษาไทย: “การเพิ่มประสิทธิภาพ URL”
  • ชื่อ URL ที่แปล: “example.com/url-optimization”

2. การใช้ตัวอักษรภาษาท้องถิ่น

เครื่องมือค้นหาแบบใหม่ เช่น Google สนับสนุนตัวอักษรที่ไม่ใช่ละตินซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้ตัวอักษรภาษาไทยใน URL ได้ วิธีนี้ช่วยให้ URL ของคุณสอดคล้องกับภาษาไทยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจมีปัญหากับบางเบราว์เซอร์และบางแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจทำให้ชื่อลิงก์อ่านได้ยาก

ตัวอย่าง URL ที่ใช้ตัวอักษรไทย: “example.com/การเพิ่มประสิทธิภาพ-url”

แม้ว่าเครื่องมือค้นหาจะสามารถจัดการกับ URL เหล่านี้ได้ แต่เมื่อแชร์หรือฝัง URL เหล่านี้อาจแสดงเป็นตัวอักษรที่เข้ารหัสซึ่งไม่สะดวกต่อการใช้งาน เช่น “%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1-url”

3. วิธีการ ตั้งชื่อ URL แบบหลายภาษาที่ดีที่สุด

สำหรับเว็บไซต์ที่ใช้หลายภาษา วิธีที่ดีที่สุดคือการตั้งค่า subdirectory หรือ subdomain ที่แยกตามภาษา วิธีนี้จะช่วยให้คุณมี URL ที่เป็นมิตรต่อ SEO ในภาษาท้องถิ่น ขณะเดียวกันยังคงรักษาโครงสร้าง URL ที่สะอาดและใช้งานง่ายสำหรับทั้งเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งาน

ตัวอย่าง:

  • เวอร์ชันภาษาอังกฤษ: “example.com/en/seo-friendly-urls”
  • เวอร์ชันภาษาไทย: “example.com/th/การเพิ่มประสิทธิภาพ-url”

วิธีนี้ช่วยให้เนื้อหาของคุณยังคงได้รับการปรับแต่งสำหรับทั้งกลุ่มผู้ชมท้องถิ่นและต่างประเทศ โดยประสิทธิภาพ SEO ยังคงดีเท่าเดิม

การสร้างความสมดุลระหว่าง SEO กับประสบการณ์ผู้ใช้งานภาษาต่างประเทศ

การปรับปรุงสำหรับภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาไทย ความท้าทายคือการสร้างสมดุลระหว่างข้อพิจารณาด้าน SEO ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน และขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของคุณ คุณอาจเลือกใช้การถอดเสียง การแปล หรือใช้ตัวอักษรภาษาท้องถิ่น สิ่งสำคัญคือการทำให้ชื่อลิงก์ของคุณอ่านง่าย แชร์ได้ และเข้าใจได้โดยไม่ต้องนึงถึงภาษาที่ใช้

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

หลีกเลี่ยงตั้งชื่อลิงก์

เพื่อให้ URL ของคุณเป็นมิตรต่อ SEO อย่างแท้จริง ควรหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้:

  • การใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไป: อาจทำให้อันดับของคุณแย่ลงได้
  • URL ที่ยาวเกินไป: อาจถูกตัดบนหน้าผลการค้นหา ทำให้ประสิทธิภาพการคลิกหรือการค้นหาลดลง
  • การละเลย HTTPS: หากเว็บไซต์ของคุณไม่ปลอดภัย (ยังใช้ HTTP แทน HTTPS) อาจส่งผลกระทบต่ออันดับการค้นหาได้
  • การใช้พารามิเตอร์แบบไดนามิก: การใช้ URL ที่มีพารามิเตอร์ไดนามิก เช่น session IDs หรือพารามิเตอร์อื่น ๆ (เช่น ?id=123) อาจสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา

การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้าง URL ที่ไม่เพียงแค่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับ SEO แต่ยังเป็นมิตรต่อผู้ใช้ด้วย

เรียนรู้: ทำไม Keyword Stuffing หรือการยัดเยียดคีย์เวิร์ดส่งผลเสียต่อการทำ SEO

โครงสร้าง ตั้งชื่อ URL มีผลต่อการทำ On-Page SEO อย่างไร

โครงสร้าง URL ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างถูกต้องมีความสำคัญมากด้านการปรับปรุง On-Page SEO เครื่องมือค้นหาใช้ URL ของคุณในการประเมินความเกี่ยวข้องของหน้าเว็บ URL ที่สะอาดและอธิบายได้ชัดเจน สามารถสื่อถึงความเชี่ยวชาญและความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงได้

บทสรุป: ตั้งชื่อ URL ให้ดีต่อ SEO

โดยสรุป การเพิ่มประสิทธิภาพชื่อลิงก์หมายถึงการทำโครงสร้าง URL ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานและเข้าใจได้ง่าย ไม่เพียงแค่การใส่คีย์เวิร์ด แต่ยังต้องออกแบบให้เสริมประสิทธิภาพของการทำ On-Page SEO การใช้คีย์เวิร์ดหลักอย่างถูกต้องและให้ความสำคัญกับความชัดเจน จะช่วยปรับปรุงทั้งอันดับการค้นหาและประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น

การตั้งชื่อ URL ที่เป็นมิตรต่อ SEO เป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์บนหน้าผลลัพธ์การค้นหา แนวทางที่ดีในการทำ URL ให้เหมาะสมคือ การทำให้สั้น ใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการใช้ตัวอักษรพิเศษ

หากต้องทำงานกับภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาไทย ควรพิจารณาวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้การถอดเสียง (Transliteration) การแปล (Translation) หรือการใช้ตัวอักษรภาษาไทยโดยตรง และปรับโครงสร้าง URL ให้สมดุลระหว่างการอ่านง่ายและประสิทธิภาพในการทำ SEO

ที่ Inspira เราคือเอเจนซี่รับทำ seo ที่สามารถช่วยคุณสร้าง URL ที่ปรับแต่งอย่างเหมาะสม พร้อมนำเสนอเทคนิคที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มอันดับในการค้นหา ติดต่อเราได้เลยวันนี้!