Elementor คืออะไร คู่มือการใช้งานและวิธีสร้างเว็บไซต์ที่ง่ายบน WordPress

Elementor คือ

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบเว็บไซต์มือใหม่หรือมือโปร บนบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า Elementor คือ อะไร มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอะไรบ้าง และจะอธิบายถึงวิธีการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO รวมถึงเหตุผลที่ควรใช้เครื่องมือนี้ในการสร้างเว็บไซต์ตามแบบของคุณ

ความหมายของ Elementor คือ

อีกหนึ่งเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่นิยมบน WordPress มากที่สุดที่จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบและสร้างเว็บไซต์ได้ในระยะเวลาอันสั้น สะดวกและง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านการเขียนโค้ด (Coding)

ปลั๊กอินตัวนี้มีการเปิดใช้งานในปี 2016 โดยผู้ออกแบบ Yoni Luksenberg และ Ariel Klikstein อีกทั้งเครื่องมือนี้ยังมีการใช้งานได้ง่ายด้วยระบบลากและวาง (Drag-and-Drop) ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูดีและทันสมัยได้ทันที

elementor คือ

Elementor มีการทำงานอย่างไร?

Elementor เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานออกแบบหน้าเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการความรวดเร็วและยืดหยุ่นในการสร้างเว็บไซต์

วิธีการใช้งาน Elementor แบบละเอียด:

  1. เลือกหน้าเว็บหรือโพสต์ที่ต้องการแก้ไข:
    ก่อนอื่น คุณต้องตัดสินใจว่าจะออกแบบหน้าเว็บไซต์ใหม่หรือปรับปรุงหน้าเว็บที่มีอยู่แล้ว เช่น หน้าโฮมเพจ บทความ หรือหน้าติดต่อ
  2. คลิก “Edit with Elementor”:
    เมื่อคุณอยู่ในหน้าแก้ไขของ WordPress ให้คลิกปุ่ม “Edit with Elementor” เพื่อเข้าสู่หน้าจอการออกแบบแบบลากและวาง (Drag-and-Drop)
  3. ออกแบบหน้าด้วย Widget:
    Elementor มี Widget หรือเครื่องมือต่าง ๆ ให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น:
    • ข้อความ (Text): เพิ่มเนื้อหาหรือคำอธิบายได้ตามต้องการ
    • รูปภาพ (Image): อัปโหลดรูปภาพเพื่อดึงดูดความสนใจ
    • วิดีโอ (Video): แทรกวิดีโอจาก YouTube หรือแหล่งอื่น
    • ปุ่ม CTA (Call-to-Action): กระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ดำเนินการ เช่น กดสมัครหรือซื้อสินค้า
    • ฟอร์ม (Form): เพิ่มฟอร์มการติดต่อ หรือสมัครสมาชิก
  4. ปรับแต่งในแบบของคุณ:
    คุณสามารถลาก Widget วางในตำแหน่งที่ต้องการบนหน้าเว็บ พร้อมปรับแต่งสี ขนาด ฟอนต์ และเอฟเฟกต์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ดีไซน์ที่ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์
  5. การดูผลลัพธ์แบบเรียลไทม์: เมื่อทำการแก้ไข Elementor จะแสดงผลการการแก้ไขได้ทันที ทำให้คุณสามารถเห็นการออกแบบและปรับแต่งได้อย่างรวดเร็ว
  6. Preview และ Publish:
    เมื่อการออกแบบเสร็จสิ้น สามารถคลิก “Preview” เพื่อดูตัวอย่างหน้าเว็บไซต์ และกด “Publish” เพื่อเผยแพร่

ทำไม Elementor ถึงโดดเด่น?

  • อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
  • รองรับการออกแบบแบบ Responsive ให้เว็บไซต์ดูดีทั้งในคอมพิวเตอร์ มือถือ และแท็บเล็ต
  • ฟีเจอร์ครบครัน เช่น การสร้าง Header/Footer และ Pop-ups
  • มี Templates สำเร็จรูป ให้เลือกใช้งานหลายร้อยแบบ

Elementor จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและมีประสิทธิภาพ

elementor คือ

ความแตกต่างเวอร์ชันฟรีกับเวอร์ชัน Pro

เวอร์ชันฟรี

  • เวอร์ชันฟรีของ Elementor เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือว่ามีฟีเจอร์พื้นฐานที่ครอบคลุมการสร้างเว็บไซต์แบบทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น blog หรือ เว็บไซต์แนะนำตัวและผลงาน

เวอร์ชัน Pro

  • หากคุณต้องการฟีเจอร์ที่สามารถออกแบบได้มากกว่าเดิม เวอร์ชัน Pro คือ ตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุด เพราะมีฟีเจอร์ขั้นสูง ทำให้การออกแบบเป็นไปได้ตามความต้องการอย่างอิสระ

ตัวอย่างเช่น:

  • Theme Builder: ช่วยให้คุณออกแบบส่วน Header, Footer และส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้อย่างละเอียดมากขึ้น
  • WooCommerce Integration: สามารถรองรับการสร้าง shop online และยังทำให้การจัดการสินค้า การตั้งค่าตะกร้าสินค้า และการชำระเงินออนไลน์ได้สะดวกและง่ายขึ้น
  • Advanced Widgets: มี Widget เพิ่มเติม เช่น แบบฟอร์ม สไลด์เดอร์ และตารางราคา ซึ่งสามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณมีฟังก์ชันที่ครอบคลุมมากขึ้น
elementor คือ

ข้อดี Elemtor คือ อะไรด้านการทำ SEO

  • โค้ดที่สะอาดและการโหลดหน้าเว็บที่เร็ว: Elementor จัดทำโค้ดที่ขนาดเบา จึงทำให้หน้าเว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น ซึ่งปัจจัยนี้ Google ให้ความสำคัญกับความเร็วของการโหลดเว็บไซต์ เพราะมันมีผลต่อประสบการณ์กับผู้ใช้เว็บโดยตรง
  • รองรับ Schema Markup: นอกจากนี้ เวอร์ชัน Pro ยังรองรับ Schema Markup ซึ่งช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้น ดังนั้น เว็บไซต์ของคุณจึงมีโอกาสปรากฏบน Rich Snippets มากขึ้น
  • การปรับแต่ง Metadata: มากไปกว่านั้น คุณสามารถปรับแต่ง Meta Title, Description และ Tags ได้โดยตรงที่หน้าแก้ไข ทำให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำ SEO ได้มากขึ้น

Elementor คือ Plug-In ที่มีความยืดหยุ่นด้านการออกแบบเว็บไซต์

ยิ่งไปกว่านั้น Elementor ถือเป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นด้านการออกแบบเว็บไซต์ โดยคุณสามารถควบคุมทุกส่วนของเว็บไซต์ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่ง Header, Footer หรือองค์ประกอบอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถออกแบบให้เข้ากับอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน เช่น เดสก์ท็อป มือถือ และแท็บเล็ต เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์จะดูสวยงามบนทุกอุปกรณ์สื่อสาร

ข้อเสียด้านการใช้งาน

  • ข้อจำกัดของเวอร์ชันฟรี: แม้ว่าเวอร์ชันฟรีจะมีฟีเจอร์พื้นฐาน แต่หากคุณต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงจะต้องอัปเกรดเป็น Elementor Pro ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม*
  • การใช้งานพื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น: เนื่องจากมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย ซึ่งอาจทำให้การใช้พื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น โดยเฉพาะหากคุณเพิ่มวิดเจ็ต และเอฟเฟกต์จำนวนมาก
  • ปัญหาด้านการอัปเดต: การอัปเดตเวอร์ชันใหม่ อาจทำให้บางส่วนของเว็บไซต์มีปัญหา หรือต้องทำการแก้ไข ดังนั้นคุณอาจต้องทำการปรับแต่งเพิ่มเติม

ทำไมถึงเลือกใช้ Elementor

ตั้งแต่เปิดตัว Elementor เป็นตัวสร้างเว็บไซต์ (WordPress builder) ได้เปลี่ยนแปลงวงการออกแบบเว็บไซต์อย่างมาก ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย พร้อมเครื่องมือปรับแต่งขั้นสูง ไม่ว่าคุณจะสร้างหน้าบทความง่าย ๆ เว็บไซต์ธุรกิจ หรือร้านค้าออนไลน์ที่ซับซ้อนเพราะมีตัวเลือกทุกอย่างที่คุณต้องการในการสร้างเว็บไซต์ ที่สามารถให้คุณออกแบบเว็บไซต์ได้อย่างเป็นมืออาชีพและใช้งานได้จริง

นอกจากนี้ ฟีเจอร์ SEO ของ Elementor ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Search Engine ได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังเหมาะสำหรับธุรกิจ ฟรีแลนซ์ และเอเจนซี่ ที่ต้องการความยืดหยุ่นและพลังของเครื่องมือนี้ในการสร้างเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้เป็นอย่างดี

สรุป: Elementor คือ คำตอบสำหรับการสร้างเว็บไซต์บน WordPress

โดยสรุป Elementor คือ เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพด้านการออกแบบ ใช้งานง่าย และเหมาะสำหรับทุกผู้ใช้ ไม่ว่าคุณจะต้องการสร้างและออกแบบล็อก, เว็บไซต์ธุรกิจ, หรือร้านค้าออนไลน์ นับว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ให้คุณออกแบบเว็บได้ตามที่ต้องการ และยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ SEO บนเครื่องมือค้นหาได้ดีขึ้น