กลยุทธ์ Digital PR สำหรับการทำ Off-Page SEO ปี 2025
กลยุทธ์ Digital PR กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการเสริมประสิทธิภาพการทำ Off-Page SEO โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์ต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือ (Authority), สร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ และยกระดับการมองเห็นในสายตา Google
สำหรับปี 2025 การแข่งขันบนหน้าแรกของ Google ไม่ได้วัดกันที่การเขียนบทความเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับว่าเว็บไซต์ของคุณ “มีใครพูดถึง” และ “แหล่งอ้างอิงน่าเชื่อถือเพียงใด” กลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์จึงเป็นมากกว่าการทำประชาสัมพันธ์ แต่คือการสร้างรากฐาน SEO ที่ยั่งยืนผ่านการเชื่อมโยงกับสื่อออนไลน์ บล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และคอนเทนต์ที่สื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมาย
บทความนี้จะพาคุณไล่เรียงกลยุทธ์ Digital PR อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ความหมาย ประโยชน์ วิธีดำเนินการ ไปจนถึงการวัดผล พร้อมกรณีศึกษาจริง เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
I. กลยุทธ์ Digital PR ทำไมถึงสำคัญสำหรับการทำ Off-Page
ในกระบวนการทำ Off-Page SEO หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์คือ “เสียงจากภายนอก” ที่พูดถึงแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นลิงก์จากเว็บไซต์อื่น การพูดถึงในบทความข่าว หรือการแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่ Google ใช้ประเมินความน่าเชื่อถือและความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์
ดังนั้น การประชาสัมพันธ์ออนไลน์จึงเข้ามาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างและควบคุมเสียงเหล่านั้นอย่างมีกลยุทธ์ โดยอาศัยการวางแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุกที่ผสานเข้ากับการทำ SEO เพื่อสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ, เพิ่มการมองเห็นในสายตาของ Google และผู้ใช้งาน พร้อมเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ต่างจากการทำ SEO แบบเทคนิคเพียงอย่างเดียว กลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์คือเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์ “เป็นที่พูดถึงในที่ที่ควร” และได้รับความไว้วางใจจากทั้งผู้ใช้และระบบการจัดอันดับของ Google โดยตรง
II. กลยุทธ์ Digital PR คืออะไร

Digital PR หรือ “ประชาสัมพันธ์ออนไลน์” คือกระบวนการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ผ่านการเผยแพร่คอนเทนต์เชิงกลยุทธ์ในช่องทางออนไลน์ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้เกิดการพูดถึงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพิ่มจำนวน Backlink คุณภาพ และสนับสนุนการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา
ต่างจากการประชาสัมพันธ์แบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นการสร้างชื่อเสียงในวงกว้างผ่านสื่อกระแสหลักกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์ ใช้ความแม่นยำของกลยุทธ์ SEO และการสื่อสารที่ออกแบบมาเฉพาะเจาะจงกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานออนไลน์ เพื่อให้เกิดทั้ง Brand Awareness และผลลัพธ์ทาง SEO ควบคู่กัน
จุดเด่นของกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์
- ช่วยเพิ่ม Backlink คุณภาพสูง จากเว็บไซต์ Authority
- ส่งเสริมหลักเกณฑ์ E-E-A-T (Expertise, Experience, Authoritativeness, Trustworthiness)
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องจริงผ่านช่องทางที่พวกเขาใช้
- ส่งเสริมการเติบโตแบบออร์แกนิกและยั่งยืน ไม่พึ่งโฆษณาอย่างเดียว
- วัดผลได้ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ SEO และการติดตามลิงก์ย้อนกลับ
ความแตกต่างระหว่างกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์ และ PR แบบดั้งเดิม
ประเด็น | PR แบบดั้งเดิม | Digital PR |
ช่องทาง | สื่อกระแสหลัก (โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์) | เว็บไซต์ออนไลน์, โซเชียลมีเดีย, Blog |
การเข้าถึง | กว้างแต่ไม่เฉพาะเจาะจง | เฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาหรือสนใจ |
การวัดผล | ยากและไม่ชัดเจน | วัดผลได้ เช่น Backlink, Traffic, Keyword Rankings |
ผลต่อ SEO | ไม่เกี่ยวข้อง | ส่งผลโดยตรงต่ออันดับ SEO |
กลยุทธ์ Digital PR กับบทบาทต่อธุรกิจในยุคดิจิทัล
ธุรกิจในปัจจุบันไม่สามารถพึ่งแค่เว็บไซต์ที่ออกแบบสวยงามหรือโฆษณาที่จ่ายแพงได้อีกต่อไป เพราะกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์ช่วยทำหน้าที่เชื่อมโยง “เนื้อหาของคุณ” กับ “พื้นที่น่าเชื่อถือที่คนอ่านอยู่แล้ว” เช่น เว็บข่าวออนไลน์ เว็บไซต์เฉพาะกลุ่ม หรือ Blog ของผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรม
เมื่อเว็บไซต์ของคุณถูกรับรองจากบุคคลหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ นั่นไม่เพียงเพิ่มความไว้วางใจจากผู้ใช้ แต่ยังเพิ่มโอกาสให้อัลกอริทึมของ Google จัดอันดับเว็บไซต์ของคุณให้สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ
III. ความเชื่อมโยงระหว่างกลยุทธ์ Digital PR กับ SEO

เมื่อการแข่งขันบนหน้าแรกของ Google นั้นมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น จึงทำให้การทำ SEO จำเป็นต้องอาศัยมากกว่าการปรับโครงสร้างเว็บไซต์และเขียนบทความให้ตรงคีย์เวิร์ด การสร้างสัญญาณจากภายนอก (Off-Page Signals) จึงเป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะ Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ และนี่คือจุดที่กลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์เข้ามาเติมเต็ม
กลยุทธ์ Digital PR ช่วยเพิ่ม SEO ได้อย่างไร?
1. เพิ่ม Backlink จากสื่อคุณภาพ
การเผยแพร่คอนเทนต์ในเว็บไซต์ข่าวหรือ Blog ที่มี Domain Authority สูง ทำให้เว็บไซต์คุณได้รับลิงก์ย้อนกลับที่มีคุณภาพ ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับบน Google โดยตรง
2. ส่งเสริม E-E-A-T อย่างเป็นธรรมชาติ
Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญ (Expertise), ความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness) และอำนาจในเนื้อหา (Authoritativeness) การที่แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงในบทความบนเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ จึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ในสายตาของ Google ได้อย่างชัดเจน
3. เสริมความแข็งแรงของ Off-Page SEO
อีกทั้ง กลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์ที่รวมเข้ากับ Off-Page SEO อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะครอบคลุมทั้งการกระจายข้อมูลออกนอกเว็บไซต์ และการสร้างความสัมพันธ์กับแหล่งอ้างอิงที่มีอิทธิพล
ประโยชน์ของกลยุทธ์ Digital PR ต่อ SEO
- เพิ่มโอกาสในการ ติดอันดับหน้าแรกของ Google
- ส่งเสริมการเติบโตแบบออร์แกนิก (Organic Traffic)
- ขยายการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยไม่ต้องใช้โฆษณา
- เพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาทั้ง Google และผู้ใช้งาน
- สร้างฐาน Backlink ที่แข็งแรงและยั่งยืนกว่าการซื้อหรือแลกลิงก์
IV. กลยุทธ์ Digital PR สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

การทำ Digital PR ให้ส่งผลต่อ SEO ไม่ได้อาศัยเพียงแค่การส่งข่าวเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการวางแผนที่รอบด้าน ตั้งแต่การสร้างเนื้อหา ไปจนถึงการเลือกช่องทางการเผยแพร่ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและมีผลต่อการจัดอันดับ
1. การสร้าง Content คุณภาพที่น่าสนใจและแชร์ได้
จุดเริ่มต้นของกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์ที่แข็งแรง คือคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและสามารถกระตุ้นให้เกิดการแชร์ได้เอง ไม่ว่าจะเป็นบทความวิชาการ บทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ หรือกรณีศึกษาที่ให้ข้อมูลลึก ยิ่งคอนเทนต์ตอบคำถามผู้ใช้งานและตรงเจตนาของการค้นหา Google จะยิ่งมองเห็นคุณค่าในการจัดอันดับ
2. การเผยแพร่ข่าวสารผ่านเว็บไซต์ Authority
เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ที่มี Domain Authority สูง เช่น ประชาชาติ, ข่าวสด, หรือเว็บไซต์เฉพาะกลุ่ม เช่น บิวตี้ บล็อก หรือเว็บไซต์สายเทคโนโลยี ล้วนเป็นเป้าหมายสำคัญในการเผยแพร่ข่าว PR เพราะลิงก์ที่ได้จากเว็บไซต์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่ม SEO Score แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ใช้งาน
3. การทำงานร่วมกับ Influencer และ Blogger
การร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรม (เช่น Blogger ที่มีอันดับดีใน Google) เพื่อให้เขารีวิวหรือพูดถึงแบรนด์ จะช่วยให้ได้ Backlink และ Traffic พร้อมกันในเวลาเดียวกัน
เนื่องจาก การคัดเลือก Influencer ที่มีเว็บไซต์ของตนเองหรืออยู่ในแพลตฟอร์มที่สามารถวิเคราะห์ SEO ได้ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรพิจารณา
4. การใช้โซเชียลมีเดียเป็นตัวกระจายข้อมูล
โซเชียลมีเดียไม่ส่งผลต่อ SEO โดยตรงในเชิงลิงก์ แต่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างกระแส (Buzz) และเพิ่มโอกาสที่คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะถูกนำไปอ้างอิงต่อในเว็บไซต์ภายนอก (ซึ่งช่วยเรื่อง Backlink โดยอ้อม) ดังนั้น การวางแผนเผยแพร่ PR บน Facebook, X (Twitter), LinkedIn, TikTok และ Instagram ช่วยเร่งการมองเห็นและเพิ่ม Engagement ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
5. การทำ Off-Page SEO ควบคู่กับกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์
กรณีศึกษา: Aquaplus Thailand
Inspira ได้วางแผนกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์ควบคู่กับการทำ Off-Page SEO ให้กับแบรนด์ Aquaplus Thailand โดยเราได้สร้างบทความ SEO พร้อมเผยแพร่ในเว็บไซต์สื่อชั้นนำ เช่น มติชนออนไลน์, ข่าวสดออนไลน์, ประชาชาติธุรกิจ และเว็บไซต์ด้านความงาม
ผลลัพธ์คือ:
- จำนวน Backlink จากโดเมนใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 100 โดเมนภายใน 2 เดือน
- Organic Traffic เติบโตต่อเนื่องตลอดไตรมาส
- ชื่อแบรนด์ได้รับการกล่าวถึงในช่องทางที่มีความน่าเชื่อถือสูง
- ช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือและอันดับเว็บไซต์ในกลุ่มคีย์เวิร์ดเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
V. กลยุทธ์ Digital PR กับช่องทางสำคัญสำหรับธุรกิจ

การเลือกช่องทางในการเผยแพร่ข่าวสารและคอนเทนต์ เป็นสิ่งสำคัญของกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพ เพราะไม่ใช่ทุกช่องทางจะเหมาะกับทุกธุรกิจ การเลือกสื่อที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และมีคุณค่าทาง SEO จะช่วยเพิ่มทั้งการมองเห็นและอันดับเว็บไซต์
1. เว็บไซต์ข่าวออนไลน์
เว็บไซต์ข่าวที่มีความน่าเชื่อถือสูง เช่น ประชาชาติ, ข่าวสดออนไลน์, มติชน หรือ The Standard มักมี Domain Authority สูง และ Google ให้ความสำคัญกับลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์เหล่านี้
การส่งข่าว PR ไปยังเว็บไซต์ข่าวออนไลน์พร้อมลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ จะช่วยเพิ่ม Backlink ที่มีคุณภาพสูงสุด และสร้างชื่อเสียงได้ในวงกว้าง
2. Blog และบทความออนไลน์
Blog เฉพาะทาง เช่น บล็อกด้านไลฟ์สไตล์ ความงาม เทคโนโลยี หรืออุตสาหกรรมเฉพาะ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ Google ให้คุณค่า เพราะเนื้อหามักเจาะลึกและตรงกับ Search Intent ของผู้อ่าน ซึ่งการส่งเนื้อหาไปร่วมลงในบล็อก หรือร่วมมือกับ Blogger เพื่อเผยแพร่คอนเทนต์ กลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ได้ทั้ง SEO และ Awareness
3. โซเชียลมีเดีย
แม้โซเชียลมีเดียจะไม่ได้สร้าง Backlink โดยตรงในเชิงเทคนิคของ Google แต่การแชร์คอนเทนต์ผ่าน Facebook, LinkedIn, TikTok หรือ Instagram จะช่วยให้บทความหรือข่าวสารของคุณเข้าถึงผู้คนจำนวนมากในเวลาอันสั้น และเปิดโอกาสให้เกิด “ลิงก์โดยธรรมชาติ” เมื่อผู้อื่นนำไปอ้างอิงในเว็บไซต์หรือ Blog ภายนอก
4. เว็บไซต์ Authority และ Online Directories
เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลธุรกิจ เช่น Wongnai, Pantip, Blognone, หรือ Online Directories อย่าง ThaiFranchiseCenter สามารถใช้เป็นช่องทางเสริมในการลงข้อมูลแบรนด์ รวมถึงลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ การอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้พบแบรนด์คุณในบริบทที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสิ่งที่พวกเขากำลังค้นหา
5. Email Marketing
การส่งข่าวประชาสัมพันธ์หรือบทความประชาสัมพันธ์ออนไลน์ไปยังเครือข่ายลูกค้า นักข่าว หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านอีเมล ช่วยกระจายข่าวสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะนำไปแชร์ต่อ แม้จะไม่ใช่ช่องทางที่สร้างลิงก์โดยตรง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการพูดถึงแบรนด์ในวงกว้าง
6. การสร้างคอนเทนต์แบบมัลติมีเดีย
การนำเสนอข่าวหรือเนื้อหา PR ผ่านวิดีโอ อินโฟกราฟิก หรือพอดแคสต์ช่วยเพิ่มความน่าสนใจ และเพิ่มช่องทางให้ Google พบและจัดอันดับคอนเทนต์ของคุณในหลากหลายรูปแบบ (Universal Search) โดยเฉพาะ YouTube และแพลตฟอร์มพอดแคสต์ที่เชื่อมโยงกับ Google Search โดยตรง
VI. กลยุทธ์ Digital PR กับข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

แม้ว่า กลยุทธ์ Digital PR จะสามารถส่งผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมต่อ SEO และแบรนด์ในระยะยาว แต่หากดำเนินการผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งผลเสียทั้งต่ออันดับเว็บไซต์และภาพลักษณ์ของธุรกิจได้
ต่อไปนี้คือข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อทำประชาสัมพันธ์ออนไลน์เพื่อให้แน่ใจว่าทุกแคมเปญสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณภาพและยั่งยืน
1. การสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์คุณภาพต่ำ
ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เช่น เว็บสแปม, เว็บขายลิงก์ราคาถูก หรือเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ อาจทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณพยายาม “ปั่นอันดับ” และส่งผลเสียต่อ SEO ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับ Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ Authority และเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย เท่านั้น
2. การทำ PR ที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
คอนเทนต์ที่ดีแต่ส่งผิดกลุ่ม มักไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็น Traffic, Engagement หรือ SEO เพราะ Digital PR ที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มจากการเข้าใจพฤติกรรมผู้อ่าน แล้วเลือกช่องทางและเนื้อหาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ หลีกเลี่ยงการส่งข่าวสารแบบหว่านโดยไม่วางกลยุทธ์
3. การละเลยการวัดผลแคมเปญ
การไม่ติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญประชาสัมพันธ์ออนไลน์ คือการพลาดโอกาสในการปรับปรุง ฉะนั้น ควรใช้เครื่องมือ เช่น Google Analytics, Ahrefs หรือ Google Search Console เพื่อตรวจสอบว่า:
- ได้รับ Backlink หรือ Mention จริงหรือไม่
- Traffic เพิ่มขึ้นจากบทความ PR หรือไม่
- มีผลต่ออันดับคีย์เวิร์ดหรือไม่
4. การใช้เนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ
บทความหรือข่าว PR ที่เน้นขายมากเกินไป ไม่มีข้อมูลใหม่ หรือไม่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน อาจถูกมองว่าเป็นคอนเทนต์ขยะ ส่งผลให้ผู้เผยแพร่ (Publisher) ปฏิเสธ และ Google ไม่ให้ความสำคัญ ดังนั้น ควรลงทุนในการเขียนคอนเทนต์ที่น่าอ่าน ให้ข้อมูล และตอบคำถามของผู้ค้นหาได้จริง
5. การส่งข่าวสารโดยขาดการวางแผน
การส่งข่าวแบบขาดการวางแผนโดยไม่มีเป้าหมายหรือช่วงเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้เสียโอกาสที่ดีที่สุดไป ควรมีการวางแผนล่วงหน้า เช่น:
- ส่งข่าวก่อนช่วงโปรโมชัน
- ติดตามเทรนด์เพื่อผูกกับกระแส
- ปรับแคมเปญให้เชื่อมโยงกับปฏิทินการตลาดของธุรกิจ
VII. วิธีวัดผลลัพธ์: กลยุทธ์ Digital PR และ SEO
การทำ Digital PR ที่ดีต้องสามารถ “วัดผล” ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นด้าน SEO, การมองเห็นของแบรนด์ หรือการมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมาย
การวัดผลอย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณรู้ว่าแคมเปญใดได้ผล แคมเปญใดควรปรับปรุง และทำให้การลงทุนทุกครั้งสร้างมูลค่ากลับคืน
1. การติดตาม Backlinks
ใช้เครื่องมือ เช่น Ahrefs หรือ SEMrush เพื่อดูว่า:
- ได้รับ Backlink จากเว็บไซต์ใดบ้าง
- คุณภาพของลิงก์ (Domain Rating, Relevance) เป็นอย่างไร
- ประเภทของลิงก์ Dofollow หรือ Nofollow
หากคุณมี Backlink จากเว็บไซต์ Authority ที่เกี่ยวข้องจะส่งผลดีโดยตรงต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO
2. การวัด Organic Traffic
ตรวจสอบจาก Google Analytics และ Google Search Console ว่าหลังจากเผยแพร่แคมเปญประชาสัมพันธ์ออนไลน์:
- ปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นหรือไม่
- มีการเข้าชมจากหน้า Landing Page ของบทความหรือไม่
- ผู้ใช้งานมาจากแหล่งข่าวหรือเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข่าวจริงหรือไม่
3. การวัด Engagement บนโซเชียลมีเดีย
แม้จะไม่ส่งผลต่อ SEO โดยตรง แต่ยอดแชร์ คอมเมนต์ หรือคลิกผ่านจากโพสต์ PR บน Facebook, LinkedIn หรือ TikTok สามารถบอกได้ว่าคอนเทนต์เข้าถึงและสร้างความสนใจให้กลุ่มเป้าหมายได้ดีเพียงใด
4. การตรวจสอบการกล่าวถึงแบรนด์
ใช้เครื่องมือเช่น Google Alerts, Brand24 หรือ Mention เพื่อติดตามว่า:
- แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงในบทความหรือเว็บไซต์ใดบ้าง
- เนื้อหาการกล่าวถึงมีบริบทที่ดี หรือเป็นกลางหรือไม่
- การกล่าวถึงเหล่านั้นนำไปสู่การคลิกเข้าสู่เว็บไซต์หรือไม่
5. การวัด Conversion Rate
เป้าหมายของบางแคมเปญอาจไม่ใช่แค่การมองเห็น แต่รวมถึงการกรอกแบบฟอร์ม ติดต่อ หรือซื้อสินค้าด้วย หากคุณตั้ง UTM tracking และ Conversion Goals ไว้ล่วงหน้าใน Google Analytics จะสามารถวัดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
6. การตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ด
การทำ Digital PR อย่างมีกลยุทธ์จะช่วยให้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ติดอันดับดีขึ้น ใช้ Ahrefs หรือ Rank Tracker ตรวจสอบว่า:
- คีย์เวิร์ดเป้าหมายขยับอันดับขึ้นหรือไม่
- เนื้อหาที่เผยแพร่ทำให้หน้าเว็บไซต์อื่น ๆ ได้รับผลเชิงบวกด้วยหรือไม่
- คีย์เวิร์ดใหม่ที่ติดอันดับเกิดจากคอนเทนต์ใด
VIII. สรุปแล้วกลยุทธ์ Digital PR กับ Off-Page SEO ช่วยสร้างแบรนด์และเพิ่มอันดับเว็บไซต์
Digital PR ไม่ใช่เพียงการเผยแพร่ข่าวหรือสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น แต่คือ “กลยุทธ์เชิงลิงก์” ที่ทรงพลังสำหรับ SEO ยุคใหม่ การเชื่อมโยงระหว่างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า กับพื้นที่ออนไลน์ที่มีอิทธิพล เป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญมากกว่าที่เคย
เมื่อวางแผนประชาสัมพันธ์ออนไลน์อย่างมีกลยุทธ์ควบคู่กับการทำ Off-Page SEO ธุรกิจจะสามารถ:
- เพิ่ม Backlink จากเว็บไซต์คุณภาพ ได้อย่างยั่งยืน
- เสริมความน่าเชื่อถือ (E-E-A-T) ให้กับเว็บไซต์
- ขยายการมองเห็นใน Google Search และช่องทางออนไลน์
- เปลี่ยนแบรนด์จาก “ผู้ให้ข้อมูล” เป็น “แหล่งอ้างอิง” ที่ Google ไว้ใจ
IX. กลยุทธ์ Digital PR กับคำถามที่พบบ่อย
กล่าวคือ Digital PR คือการประชาสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ข่าว, Blog, โซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์และสร้าง Backlink ที่ส่งผลต่อ SEO ขณะที่ PR แบบดั้งเดิมเน้นสื่อกระแสหลัก เช่น โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์
Digital PR ช่วยสร้าง Backlink จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้จัดอันดับเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของแบรนด์ (E-E-A-T) และขยายโอกาสในการถูกกล่าวถึงอย่างเป็นธรรมชาติ
คุณสามารถเริ่มจากการเขียนบทความที่มีคุณภาพ แล้วติดต่อเว็บไซต์ข่าวหรือบล็อกเฉพาะทางเพื่อขอเผยแพร่บทความ พร้อมวางลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ หากไม่มีทรัพยากรภายใน ควรใช้บริการเอเจนซี่ที่มีประสบการณ์ด้าน SEO และประชาสัมพันธ์ออนไลน์
คุณสามารถวัดผลได้จากจำนวน Backlink ที่เพิ่มขึ้น, การเติบโตของ Organic Traffic, การกล่าวถึงแบรนด์ในเว็บไซต์ภายนอก และอันดับของคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เครื่องมืออย่าง Ahrefs, Google Analytics และ Google Search Console
เหมาะเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่โดยไม่พึ่งงบโฆษณาจำนวนมาก หากมีการวางแผนอย่างแม่นยำ Digital PR จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กได้รับการพูดถึงในเว็บไซต์สำคัญและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มอันดับเว็บไซต์ด้วยกลยุทธ์ที่มากกว่าการเขียนบทความ Inspira ดิจิตอลเอเจนซี่พร้อมช่วยคุณวางแผน Digital PR ที่สอดคล้องกับ SEO อย่างแม่นยำ ปรึกษาฟรีกับผู้เชี่ยวชาญของเราตอนนี้