กลยุทธ์ Digital PR ทำไมถึงสำคัญสำหรับการทำ Off-Page
กลยุทธ์ Digital PR นับว่าเป็นเครื่องมือสำหรับแบรนด์ที่ขาดไม่ได้ในการตลาดดิจิทัล ปัจจุบัน การแข่งขันบนโลกออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น การสร้างการรับรู้แบรนด์และเพิ่มอันดับเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของ Google จึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจทุกประเภท การทำ Digital PR กลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับนักการตลาดยุคใหม่ เพราะไม่เพียงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่ม Backlinks จากเว็บไซต์คุณภาพ ส่งเสริมการเข้าชมที่น่าเชื่อถือ และช่วยปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การเผยแพร่ข่าวสารบนเว็บไซต์ Authority การร่วมมือกับ Influencer หรือ Blogger และการใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือขยายการรับรู้ ทั้งหมดนี้ช่วยให้กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ SEO อย่างลงตัว
บทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับการทำ Digital PR อย่างละเอียด พร้อมกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและก้าวทันเทรนด์การตลาดดิจิทัลในปี 2025
II. ความหมาย กลยุทธ์ Digital PR

การประชาสัมพันธ์ดิจิทัล เป็นกลยุทธ์สำคัญระหว่างการประชาสัมพันธ์แบบดั้งเดิมและการตลาดออนไลน์โดยใช้เครื่องมือและช่องทางดิจิทัลเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย เน้นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ สร้างการรับรู้และสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้บริโภค
จุดเด่นของกลยุทธ์ Digital PR
- การเชื่อมต่อในวงกว้าง: ด้วยการใช้สื่อดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ บล็อก หรือโซเชียลมีเดีย ธุรกิจสามารถเผยแพร่ข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์
- สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว: สามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างธุรกิจกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อพูดคุยกับลูกค้า หรือการทำคอนเทนต์ที่ตอบคำถามและแก้ปัญหาให้กลุ่มเป้าหมาย
- เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์: เมื่อเนื้อหาถูกเผยแพร่บนแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ข่าวหรือบล็อกยอดนิยม จะช่วยสร้าง Backlinks กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงอันดับ SEO
ตัวอย่างกลยุทธ์ Digital PR ที่มีประสิทธิภาพ:
- การสร้างแคมเปญไวรัล:ตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่ใช้วิดีโอที่เล่าเรื่องราวที่โดนใจหรือเกี่ยวข้องกับสังคมในช่วงเวลานั้น เพื่อสร้างการรับรู้ที่กว้างขวางผ่านการแชร์บนโซเชียลมีเดีย
- การร่วมมือกับ Influencer:
การให้ Influencer รีวิวสินค้า/บริการหรือพูดถึงแบรนด์ผ่านช่องทางของพวกเขา เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงความต้องการ - การเผยแพร่บทความผ่านเว็บไซต์ Authority:
การลงบทความ PR บนเว็บไซต์ข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น Sanook หรือ Manager ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้อ่านจำนวนมาก พร้อมเพิ่มโอกาสสร้าง Backlinks คุณภาพ
ความแตกต่างระหว่าง Digital PR และ PR แบบดั้งเดิม
- ช่องทางการสื่อสาร:
- PR แบบดั้งเดิม: ใช้สื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์
- ดิจิทัล PR: ใช้สื่อออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ข่าว, บล็อก, และโซเชียลมีเดีย
- การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย:
- PR แบบดั้งเดิม: เข้าถึงผู้คนได้วงกว้าง แต่ไม่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้
- ดิจิทัล PR: สามารถเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย เช่น คนที่สนใจสินค้า/บริการ โดยการวิเคราะห์พฤติกรรมออนไลน์
- การวัดผล:
- PR แบบดั้งเดิม: การวัดผลลัพธ์ทำได้ยาก เช่น ไม่สามารถระบุจำนวนคนที่เห็นโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ได้แน่นอน
- ดิจิทัล PR: ใช้เครื่องมือ เช่น Google Analytics เพื่อตรวจสอบ Backlinks, Organic Traffic และการมีส่วนร่วม
บทบาทของกลยุทธ์ Digital PR ต่อธุรกิจในยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ การลงข่าวผ่านช่องทางออนไลน์ไม่ใช่เพียงการประชาสัมพันธ์ แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ช่วยเพิ่มการมองเห็นแบรนด์ในวงกว้าง สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และที่สำคัญยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับการทำ SEO
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่เผยแพร่บทความที่มีคุณค่าผ่านเว็บไซต์ Authority และได้รับการแชร์ในโซเชียลมีเดีย จะช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ในระยะสั้น และสร้าง Backlinks ที่ช่วยปรับอันดับเว็บไซต์ในระยะยาว
III. ความเชื่อมโยงระหว่างกลยุทธ์ Digital PR กับ SEO

สำหรับการตลาดดิจิทัล ทั้งสองเครื่องมือมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้ช่วยแค่การสร้างแบรนด์และเพิ่มการรับรู้ในวงกว้าง แต่ยังมีผลต่อการปรับปรุงอันดับเว็บไซต์บน Google ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการทำ SEO
กลยุทธ์ Digital PR ช่วยเพิ่ม SEO ได้อย่างไร?
1. การสร้าง Backlinks คุณภาพ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญของ Off-Page SEO คือ Backlinks ซึ่งเป็นลิงก์ที่ชี้กลับมายังเว็บไซต์ของคุณจากแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น การเผยแพร่บทความผ่านเว็บไซต์ Authority หรือการร่วมมือกับ Blogger และ Influencer จะช่วยสร้าง Backlinks ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือ (Domain Authority) ของเว็บไซต์ในสายตา Google
ตัวอย่าง: การลงบทความ PR ในเว็บไซต์ข่าวที่มีชื่อเสียง เช่น Manager หรือ Sanook ซึ่งมีการใส่ลิงก์กลับมายังหน้าเว็บไซต์ของคุณ
2. เพิ่ม Organic Traffic ผ่านคอนเทนต์คุณภาพ
การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เช่น บทความ How-to, วิดีโอแนะนำสินค้า หรือแคมเปญไวรัล เมื่อคอนเทนต์เหล่านี้ถูกเผยแพร่ในช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์ Authority จะช่วยเพิ่ม Organic Traffic ให้กับเว็บไซต์
ประโยชน์: Organic Traffic ที่เพิ่มขึ้นส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับ SEO ของเว็บไซต์
3. สร้างความน่าเชื่อถือ (E-E-A-T)
Google ให้ความสำคัญกับหลักเกณฑ์ E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) หรือความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจ เพราะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีบทความที่ได้รับการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการจัดอันดับของ Google
ตัวอย่าง: การได้รับการกล่าวถึงในบทความของ Blogger หรือ Influencer ชั้นนำ ช่วยเพิ่มความไว้วางใจในแบรนด์
4. เพิ่ม Engagement และสัญญาณจากโซเชียลมีเดีย
แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงในการจัดอันดับ SEO แต่ Engagement เช่น การกดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์ สามารถสร้างสัญญาณที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้คอนเทนต์ของคุณถูกแชร์และลิงก์กลับมายังเว็บไซต์
ตัวอย่าง:
การทำแคมเปญ PR ผ่าน Facebook หรือ LinkedIn ที่มีการใส่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์
ประโยชน์ของการทำ Digital PR ต่อ SEO
- ช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ในระยะยาว: เมื่อเว็บไซต์ได้รับ Backlinks คุณภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ อันดับบน Google ก็จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- เสริมความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์: เว็บไซต์ที่มีการกล่าวถึงหรืออ้างอิงจากแหล่งข้อมูลคุณภาพสูง เช่น เว็บไซต์ข่าว หรือบล็อกยอดนิยม จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้ง Google และผู้ใช้งาน
- เพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่ และช่วยให้ลูกค้าใหม่พบเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น
- ลดต้นทุนโฆษณา: สามารถช่วยเพิ่ม Organic Traffic และ Backlinks จะช่วยลดการพึ่งพาการทำโฆษณาแบบเสียเงิน
ตัวอย่างการใช้ Digital PR เพื่อสนับสนุน SEO:
- เผยแพร่บทความ PR ในเว็บไซต์ Authority: เช่น การเขียนบทความที่สอดแทรกข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่มีประโยชน์ พร้อมใส่ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์
- การร่วมงานกับ Influencer: เช่น ให้ Influencer โปรโมตสินค้า/บริการ พร้อมใส่ลิงก์แนะนำสินค้า
- การทำแคมเปญไวรัลบนโซเชียลมีเดีย: เช่น การสร้างแคมเปญที่มี Call-to-Action ชัดเจน และกระตุ้นให้ผู้ใช้งานคลิกกลับมายังเว็บไซต์
IV. กลยุทธ์การทำ Digital PR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

การทำ Digital PR ให้มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มการมองเห็นแบรนด์ (Brand Visibility) แต่ยังช่วยสนับสนุน Off-Page SEO ผ่านการสร้าง Backlinks คุณภาพ การเพิ่ม Organic Traffic และการดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่:
1. การสร้าง Content คุณภาพที่น่าสนใจและแชร์ได้
การสร้าง Content ที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับผู้อ่านเป็นพื้นฐานสำคัญของ Digital PR เนื้อหาเหล่านี้ควรดึงดูดให้ผู้อ่านแชร์ต่อ หรืออ้างอิงในเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งจะสร้าง Backlinks กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ
ตัวอย่าง Content คุณภาพ:
- บทความ How-to: “5 วิธีปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก Google”
- Infographic: สรุปข้อมูลที่เข้าใจง่าย เช่น “สถิติการใช้ Digital PR ปี 2025”
- วิดีโอ: แนะนำแบรนด์หรือแคมเปญไวรัลที่สร้างแรงบันดาลใจ
เทคนิคสำคัญ:
- ใส่คีย์เวิร์ดหลักในเนื้อหาอย่างเหมาะสม
- แชร์ Content เหล่านี้ในช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างลิงก์
2. การเผยแพร่ข่าวสารผ่านเว็บไซต์ Authority
เว็บไซต์ Authority เป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การเผยแพร่ข่าวสารหรือบทความ PR บนเว็บไซต์ข่าวประชาสัมพันธ์จะช่วยสร้าง Backlinks คุณภาพ และเพิ่มการมองเห็นแบรนด์
วิธีทำ:
- เขียนบทความ PR ที่เน้นข้อมูลที่มีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย
- เลือกเว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูง เช่น Sanook, Manager, หรือ Pantip
ตัวอย่างการเผยแพร่ข่าวสาร:
- “บริษัทรับทำ SEO ครบวงจร เปิดตัวบริการใหม่เพื่อธุรกิจยุคดิจิทัล”
3. การทำงานร่วมกับ Influencer และ Blogger
การร่วมมือกับ Influencer หรือ Blogger ช่วยเพิ่มการมองเห็นแบรนด์และสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะการที่พวกเขาอ้างอิงเว็บไซต์ของคุณในคอนเทนต์ เช่น บทความรีวิวหรือโพสต์แนะนำสินค้า
ตัวอย่างการทำงานร่วมกัน:
- ให้ Influencer เขียนรีวิวผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ พร้อมใส่ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์
- เชิญ Blogger ชื่อดังในอุตสาหกรรมของคุณมาเขียนบทความที่เกี่ยวข้อง
ผลลัพธ์:
- การเพิ่ม Backlinks จากแหล่งข้อมูลที่กลุ่มเป้าหมายเชื่อถือ
- การเพิ่ม Organic Traffic จากผู้ติดตามของ Influencer
4. การใช้โซเชียลมีเดียเป็นตัวกระจายข้อมูล
กลยุทธ์การใช้โซเชียลมีเดีย:
- แชร์บทความหรือข่าว PR บน Facebook, LinkedIn, หรือ Twitter
- สร้างโพสต์ที่มี Call-to-Action ชัดเจน เช่น “คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม”
- ใช้ Hashtag เพื่อเพิ่มการค้นหา
ตัวอย่างโพสต์บนโซเชียลมีเดีย:
- “รู้ยัง? การทำ Digital PR ช่วยเพิ่มอันดับ SEO ได้! อ่านบทความเต็มได้ที่นี่ [ลิงก์]”
5. การทำ Off-Page SEO ควบคู่กับกลยุทธ์ Digital PR
กลยุทธ์ Digital PR และการทำ Off-Page SEO สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการวางกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกัน เช่น:
- การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสำหรับบทความ PR
- การสร้าง Landing Page ที่รองรับการเข้าชมจาก Backlinks
- การใช้เครื่องมือ SEO เช่น Google Analytics เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์
ตัวอย่างแคมเปญ Digital PR ที่ประสบความสำเร็จ
1. แคมเปญ “ให้ฟรี” (Giveaway Campaign):
ธุรกิจจัดกิจกรรมแจกของรางวัลผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเชิญชวนให้ผู้ใช้งานแชร์โพสต์หรือเข้าชมเว็บไซต์
2. การจัดทำคู่มือพิเศษ (Exclusive Guide):
แบรนด์เขียนคู่มือที่มีคุณค่าและให้ดาวน์โหลดฟรี เช่น “คู่มือเริ่มต้นทำ Off-Page SEO ฉบับปี 2025” พร้อมสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ที่แชร์เนื้อหานี้
3. แคมเปญไวรัล:
การสร้างวิดีโอหรือคอนเทนต์ที่กระตุ้นอารมณ์ผู้ชม เช่น เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ หรือการโปรโมตความรับผิดชอบต่อสังคมของแบรนด์
V. ช่องทางกลยุทธ์ Digital PR สำหรับธุรกิจ

การเลือกช่องทางที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์และเพิ่มโอกาสในการสร้าง Backlinks ที่มีคุณภาพ ต่อไปนี้คือช่องทางหลักที่นิยมใช้ในการทำ Digital PR
1. เว็บไซต์ข่าวออนไลน์
เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ เช่น มติชน บางกอกโพสต์ หรือประชาชาติ เป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการมองเห็นในวงกว้าง การลงบทความ PR หรือข่าวประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่ม Backlinks แต่ยังเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์
ตัวอย่างการใช้งาน:
- การเผยแพร่ข่าวเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น “บริษัท ABC เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับตลาดดิจิทัล”
- การสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับความสำเร็จของธุรกิจ เช่น “แบรนด์ไทยติดอันดับผู้นำด้านการตลาดออนไลน์ในเอเชีย”
2. Blog และบทความออนไลน์
การเขียนบทความเชิงลึกหรือการร่วมมือกับ Blogger เพื่อสร้างคอนเทนต์รีวิวสินค้า/บริการ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและสร้าง Backlinks คุณภาพ
ตัวอย่างการใช้งาน:
- การเขียนบทความ How-to เช่น “5 เคล็ดลับการใช้ Digital PR เพื่อเพิ่มอันดับ SEO”
- การรีวิวสินค้าหรือบริการผ่านบล็อกที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเป้าหมาย
ข้อดี:
- เพิ่มความน่าเชื่อถือผ่านเนื้อหาที่มีคุณค่า
- เจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจเฉพาะด้าน
3. โซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, LinkedIn และ Instagram เป็นช่องทางสำคัญสำหรับการกระจายเนื้อหาและสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย
กลยุทธ์การใช้งาน:
- การแชร์บทความ PR หรือข่าวสารพร้อมใส่ลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์
- การสร้างแคมเปญไวรัล เช่น กิจกรรมแจกของรางวัลที่กระตุ้นให้แชร์โพสต์
ตัวอย่างโพสต์:
- “รู้หรือไม่? Digital PR ช่วยเพิ่มอันดับ SEO ได้อย่างไร อ่านต่อที่นี่ [ลิงก์]”
4. เว็บไซต์ Authority และ Online Directories
การเผยแพร่ข้อมูลหรือโปรไฟล์บริษัทบนเว็บไซต์ Authority เช่น Pantip, Wongnai, หรือเว็บไซต์เฉพาะอุตสาหกรรม สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์และสร้าง Backlinks คุณภาพ
ตัวอย่างการใช้งาน:
- การลงโปรไฟล์ธุรกิจในหมวดเฉพาะของเว็บไซต์
- การใส่ข้อมูลสินค้า/บริการ พร้อมลิงก์กลับไปยังหน้า Landing Page
ประโยชน์:
- ช่วยเพิ่มอันดับ SEO ผ่าน Backlinks
- สร้างความน่าเชื่อถือในตลาด
5. Email Marketing
การส่งอีเมลประชาสัมพันธ์เป็นวิธีที่ช่วยกระจายข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ
ตัวอย่างการใช้งาน:
- ส่งจดหมายข่าวที่เล่าถึงกิจกรรม PR ของบริษัท
- แจ้งข่าวโปรโมชั่นหรืออัปเดตล่าสุดของแบรนด์
เคล็ดลับ:
- ใส่ Call-to-Action ชัดเจน เช่น “อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ [ลิงก์เว็บไซต์]”
6. การสร้างคอนเทนต์แบบมัลติมีเดีย
การใช้วิดีโอ, พอดแคสต์, หรืออินโฟกราฟิก ช่วยเพิ่มโอกาสให้คอนเทนต์ PR ถูกแชร์ในวงกว้าง และสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ที่อ้างอิงเนื้อหา
ตัวอย่างการใช้งาน:
- การสร้างวิดีโอเกี่ยวกับความสำเร็จของแคมเปญ หรือการอธิบายสินค้าผ่านแอนิเมชัน
- การทำพอดแคสต์ที่เน้นเรื่อง PR ออนไลน์ และ SEO
ตัวอย่างการทำ Digital PR ที่ช่วยเพิ่ม SEO
การทำ PR ออนไลน์ไม่เพียงช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์แต่ยังช่วยเพิ่มอันดับ SEO ของเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการสร้าง Backlinks คุณภาพจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ และเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์
1. การเผยแพร่ข่าวสารบนเว็บไซต์ Authority
การลงบทความ PR หรือข่าวประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์ Authority เช่น Matichon, Thairath, หรือ Bangkokpost เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการสร้าง Backlinks และเพิ่ม Traffic
ตัวอย่างกรณีศึกษา:
บริษัทให้บริการ รับทำ SEO ครบวงจร ได้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดตัวบริการใหม่บนเว็บไซต์ข่าวยอดนิยม พร้อมใส่ลิงก์กลับไปยังหน้า Landing Page ของบริการนั้น ๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ:
- การเพิ่ม Backlinks คุณภาพจากเว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูง
- การเพิ่ม Organic Traffic อย่างมีนัยสำคัญ
วิธีนำไปใช้:
- สร้างบทความ PR ที่น่าสนใจ เช่น “บริษัท ABC เปิดตัวบริการใหม่ที่ช่วยธุรกิจไทยเติบโตในยุคดิจิทัล”
- เลือกเว็บไซต์ข่าวหรือบล็อกที่มีผู้อ่านตรงกลุ่มเป้าหมาย
2. การทำแคมเปญร่วมกับ Influencer หรือ Blogger
การร่วมมือกับ Influencer หรือ Blogger ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง และสร้าง Backlinks กลับไปยังเว็บไซต์
ตัวอย่างกรณีศึกษา:
แบรนด์เครื่องสำอางออนไลน์ร่วมมือกับ Blogger ด้านความงามชื่อดังในประเทศไทย โดยให้ Blogger ทดลองใช้สินค้าและเขียนรีวิวในบล็อกส่วนตัว พร้อมใส่ลิงก์กลับไปยังหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ:
- การเพิ่ม Backlinks คุณภาพจากแหล่งข้อมูลที่กลุ่มเป้าหมายเชื่อถือ
- การเพิ่ม Traffic จากผู้ติดตามของ Blogger
วิธีนำไปใช้:
- เลือก Influencer หรือ Blogger ที่มีผู้ติดตามตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
- ให้ Influencer รีวิวสินค้า/บริการ และเชิญชวนให้คลิกกลับมายังเว็บไซต์
3. การสร้างแคมเปญไวรัลบนโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยกระจายคอนเทนต์ PR ได้อย่างรวดเร็ว การสร้างแคมเปญไวรัลที่น่าสนใจ ช่วยเพิ่ม Traffic และการแชร์ต่อในวงกว้าง
ตัวอย่างกรณีศึกษา:
แบรนด์แฟชั่นออนไลน์จัดแคมเปญ “แชร์และลุ้นรับส่วนลด” บน Facebook โดยผู้ใช้งานต้องคลิกลิงก์เพื่อเข้าชมสินค้าบนเว็บไซต์ก่อนแชร์ ผลลัพธ์คือ:
- การเพิ่ม Engagement บนโซเชียลมีเดีย
- การเพิ่ม Traffic ไปยังเว็บไซต์
วิธีนำไปใช้:
- สร้างแคมเปญที่มี Call-to-Action ชัดเจน เช่น “แชร์โพสต์นี้และรับส่วนลด 10%”
- ใช้ Hashtag เพื่อเพิ่มการค้นหาและการมองเห็น
4. การสร้าง Content เชิงข้อมูลที่มีคุณค่า
การทำบทความหรือ Infographic ที่มีข้อมูลเชิงลึก ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์อื่น ๆ อ้างอิงคอนเทนต์ของคุณ พร้อมใส่ Backlinks กลับมายังเว็บไซต์
ตัวอย่างกรณีศึกษา:
บริษัทด้านเทคโนโลยีสร้าง Infographic เกี่ยวกับ “สถิติการใช้ SEO ในปี 2025” ซึ่งถูกแชร์ใน LinkedIn และอ้างอิงโดยบล็อกหลายแห่ง
ผลลัพธ์ที่ได้คือ:
- การสร้าง Backlinks หลายสิบลิงก์จากเว็บไซต์ที่แชร์ Infographic
- การเพิ่ม Traffic แบบ Organic
วิธีนำไปใช้:
- สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
- โปรโมตคอนเทนต์ผ่านโซเชียลมีเดียและอีเมล
5. การจัดกิจกรรมแจกของรางวัล
กิจกรรมแจกของรางวัลเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ใช้งานคลิกลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์
ตัวอย่างกรณีศึกษา:
แบรนด์อาหารเพื่อสุขภาพจัดกิจกรรม “ลุ้นรับผลิตภัณฑ์ฟรี” ผ่าน Instagram โดยให้ผู้เข้าร่วมคลิกเข้าชมเว็บไซต์และกรอกข้อมูลเพื่อเข้าร่วม
ผลลัพธ์คือ:
- การเพิ่ม Traffic ไปยังเว็บไซต์
- การสร้างฐานข้อมูลลูกค้าใหม่
วิธีนำไปใช้:
- วางกติกาให้ผู้ใช้งานคลิกเข้าชมเว็บไซต์หรือแชร์ลิงก์กิจกรรม
- ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตกิจกรรมให้เข้าถึงวงกว้าง
อ่านบทความ Link Building: วิธีการสร้างลิงก์คุณภาพเพื่อผลลัพธ์ SEO สูงสุดในปี 2025
VI. กลยุทธ์ Digital PR กับข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

การทำ Digital PR และ SEO จะมีประสิทธิภาพสูงเมื่อมีการทำงานอย่างถูกวิธี แต่ถ้ามีความผิดพลาดในการทำงานหรือการวางแผนที่ไม่รอบคอบ อาจส่งผลเสียต่ออันดับเว็บไซต์และภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้
1. การสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์คุณภาพต่ำ
Backlinks เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของ Off-Page SEO แต่การสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือมีชื่อเสียงในด้านการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจส่งผลเสียต่อคะแนน Domain Authority ของเว็บไซต์
ตัวอย่างปัญหา:
- การใช้เว็บไซต์ที่มี Spam Score สูง หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ
- การซื้อ Backlinks จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
วิธีหลีกเลี่ยง:
- เลือกสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ Authority ที่มี Domain Authority สูง
- ใช้เครื่องมือ เช่น Ahrefs หรือ Moz เพื่อตรวจสอบคุณภาพของเว็บไซต์ก่อนสร้างลิงก์
2. การทำ PR ที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
การทำ PR ที่ไม่ได้พิจารณากลุ่มเป้าหมายอย่างรอบคอบ อาจทำให้เนื้อหาไม่สามารถดึงดูดหรือเชื่อมโยงกับผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างปัญหา:
- การเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
- การใช้ Influencer ที่ไม่ตรงกับตลาดของแบรนด์
วิธีหลีกเลี่ยง:
- วิเคราะห์ความสนใจและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
- เลือกช่องทางและ Influencer ที่มีผู้ติดตามตรงกับตลาดของคุณ
3. การละเลยการวัดผลแคมเปญ
การไม่วัดผลลัพธ์ ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าแคมเปญนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ และยังส่งผลต่อการพัฒนากลยุทธ์ในอนาคต
ตัวอย่างปัญหา:
- ไม่ติดตามการเพิ่มของ Backlinks หรือ Traffic
- ไม่วัด Engagement จากโซเชียลมีเดีย
วิธีหลีกเลี่ยง:
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics เพื่อตรวจสอบ Organic Traffic และ Conversion
- ตรวจสอบจำนวน Backlinks ที่เกิดขึ้นหลังแคมเปญผ่าน SEMrush หรือ Ahrefs
4. การใช้เนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ
เนื้อหาเป็นหลักสำคัญ หากเนื้อหาไม่น่าสนใจ หรือขาดความน่าเชื่อถือ อาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สนใจและไม่ได้รับ Backlinks จากเว็บไซต์อื่น
ตัวอย่างปัญหา:
- การสร้างบทความที่ซ้ำซากหรือขาดข้อมูลที่มีคุณค่า
- การใช้ภาษาในเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
วิธีหลีกเลี่ยง:
- ลงทุนใน Content ที่มีคุณภาพและมีข้อมูลเชิงลึก
- ใช้ภาพ อินโฟกราฟิก หรือวิดีโอ เพื่อเสริมความน่าสนใจ
5. การส่งข่าวสารโดยขาดการวางแผน
การกระจายข่าวสารหรือ PR ไปยังหลายเว็บไซต์โดยไม่มีการวางแผน อาจทำให้เกิดปัญหาการส่งเนื้อหาซ้ำซ้อน และลดความน่าเชื่อถือของแบรนด์
ตัวอย่างปัญหา:
- การเผยแพร่บทความ PR เดียวกันในหลายเว็บไซต์โดยไม่มีการปรับแต่งเนื้อหา
- การเลือกเว็บไซต์ที่ไม่มี Authority สูง
วิธีหลีกเลี่ยง:
- ปรับแต่งบทความ PR ให้เหมาะสมกับแต่ละเว็บไซต์
- เลือกเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจและมี Authority สูง
VII. วิธีวัดผลลัพธ์ กลยุทธ์ Digital PR และ SEO
การวัดผลลัพธ์เป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญและผลกระทบต่อ SEO เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม ต่อไปนี้คือวิธีวัดผลที่แนะนำ
1. การติดตาม Backlinks
Backlinks เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงความสำเร็จของแคมเปญ หากแคมเปญ PR สร้าง Backlinks คุณภาพจากเว็บไซต์ Authority จะช่วยเพิ่มอันดับ SEO และคะแนน Domain Authority ของเว็บไซต์ได้
เครื่องมือที่แนะนำ:
- Ahrefs: ตรวจสอบจำนวนและคุณภาพของ Backlinks
- SEMrush: วิเคราะห์ลิงก์ที่เกิดขึ้นใหม่ รวมถึงการตรวจสอบว่าลิงก์มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือหรือไม่
ตัวอย่างการวัดผล:
- จำนวน Backlinks ใหม่ที่เกิดขึ้นหลังแคมเปญ PR
- คุณภาพของ Backlinks เช่น เว็บไซต์ต้นทางมี Domain Authority สูงหรือไม่
2. การวัด Organic Traffic
การเพิ่ม Organic Traffic คือเป้าหมายสำคัญของ Digital PR ที่ช่วยส่งเสริม SEO การวัดปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่มาจากการค้นหาแบบ Organic ช่วยให้ธุรกิจทราบว่าแคมเปญ PR มีผลต่อ SEO อย่างไร
เครื่องมือที่แนะนำ:
- Google Analytics: ตรวจสอบแหล่งที่มาของ Traffic
- Google Search Console: วัดจำนวนคลิกและ Impression จากการค้นหา
ตัวอย่างการวัดผล:
- เปรียบเทียบปริมาณ Organic Traffic ก่อนและหลังแคมเปญ
- ตรวจสอบหน้า Landing Page ที่ได้รับ Traffic สูงสุด
3. การวัด Engagement บนโซเชียลมีเดีย
แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงที่ส่งผลต่อ SEO แต่ Engagement เช่น การกดไลก์ แชร์ และคอมเมนต์ สามารถสร้างสัญญาณให้คอนเทนต์ได้รับการแชร์ต่อและเพิ่ม Backlinks
เครื่องมือที่แนะนำ:
- Hootsuite: ติดตาม Engagement บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ
- Sprout Social: วัดผลแคมเปญโซเชียลมีเดียโดยละเอียด
ตัวอย่างการวัดผล:
- จำนวนการแชร์หรือการกดไลก์โพสต์ที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญ
- จำนวนคลิกลิงก์จากโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
4. การตรวจสอบการกล่าวถึงแบรนด์
การได้รับการกล่าวถึงบนเว็บไซต์ข่าว บล็อก หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ การตรวจสอบความครอบคลุมช่วยให้ธุรกิจเข้าใจว่าข้อมูลของพวกเขาถูกเผยแพร่ในวงกว้างแค่ไหน
เครื่องมือที่แนะนำ:
- Google Alerts: แจ้งเตือนเมื่อมีการกล่าวถึงแบรนด์บนเว็บไซต์
- Brand24: ติดตามการพูดถึงแบรนด์บนโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์
ตัวอย่างการวัดผล:
- จำนวนครั้งที่แบรนด์ถูกกล่าวถึงในสื่อออนไลน์
- ตรวจสอบว่าการกล่าวถึงแบรนด์นำไปสู่การคลิกลิงก์หรือไม่
5. การวัด Conversion Rate
แคมเปญ Digital PR ที่ดีไม่เพียงเพิ่ม Traffic แต่ควรช่วยเพิ่ม Conversion เช่น การสมัครสมาชิก การกรอกฟอร์ม หรือลงทะเบียนเพื่อดาวน์โหลดข้อมูล
เครื่องมือที่แนะนำ:
- Google Analytics: วัด Conversion Rate ผ่านหน้า Landing Page
- Hotjar: วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์
ตัวอย่างการวัดผล:
- จำนวนผู้ที่สมัครสมาชิกหรือกรอกฟอร์มหลังจากเข้าชมเว็บไซต์
- การเปรียบเทียบ Conversion Rate ก่อนและหลังแคมเปญ
6. การตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ด
การตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ดช่วยให้ทราบว่าแคมเปญ PR มีผลกระทบต่อ SEO ในทางบวกหรือไม่
เครื่องมือที่แนะนำ:
- SEMrush: ติดตามอันดับคีย์เวิร์ดสำคัญ
- Ahrefs: วิเคราะห์คีย์เวิร์ดและการเปลี่ยนแปลงของอันดับ
ตัวอย่างการวัดผล:
- คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญมีอันดับดีขึ้นหรือไม่
- จำนวนคีย์เวิร์ดใหม่ที่ติดอันดับบน Google
เช็คลิตส์การทำ SEO ล่าสุด และสมบูรณ์ที่สุด
VIII. กลยุทธ์ Digital PR กับคำถามที่พบบ่อย
การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ บล็อก และโซเชียลมีเดีย ในขณะที่ PR แบบดั้งเดิม ใช้สื่อออฟไลน์ เช่น หนังสือพิมพ์และอีเวนต์ ความพิเศษของการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์คือการช่วยสนับสนุน SEO โดยสร้าง Backlinks คุณภาพ เพิ่ม Referral Traffic และเสริม Domain Authority ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ SEO Off-Page
การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มอันดับ SEO โดยการสร้าง Backlinks จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ สร้างการกล่าวถึงแบรนด์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์จาก Referral Traffic ผลลัพธ์เหล่านี้ช่วยปรับปรุง Domain Authority เพิ่ม Engagement และส่งผลดีต่ออันดับใน Google โดยตรง
การวางแผนแคมเปญอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องใช้เครื่องมือ เช่น BuzzSumo สำหรับวิเคราะห์เทรนด์ SEMrush หรือ Ahrefs เพื่อวัดคุณภาพ Backlinks และ Google Analytics สำหรับตรวจสอบ Traffic และประสิทธิภาพโดยรวมของแคมเปญ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับปรุงแคมเปญได้อย่างเหมาะสม
การวัด ROI ควรพิจารณาตัวชี้วัดสำคัญ เช่น จำนวนและคุณภาพของ Backlinks การเพิ่มขึ้นของ Domain Authority และ Referral Traffic รวมถึงอันดับของคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องใน Google การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics และ SEMrush ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและนำไปปรับใช้กับแคมเปญในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
IX. สรุปแล้ว กลยุทธ์ Digital PR กับ Off-Page SEO ช่วยสร้างแบรนด์และเพิ่มอันดับเว็บไซต์
โดยสรุป การทำ Digital PR เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างความโดดเด่นบนโลกออนไลน์ ทั้งยังสนับสนุนการทำ Off-Page SEO ผ่านการสร้าง Backlinks คุณภาพ เพิ่ม Organic Traffic และเสริมความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ด้วยการวางแผนที่รอบคอบ การเลือกช่องทางที่เหมาะสม และการวัดผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจสามารถเพิ่มโอกาสการเติบโตในระยะยาว ทั้งในด้านของการมองเห็นแบรนด์และอันดับบนผลการค้นหา Google
เริ่มต้นวางแผนประชาสัมพันธ์ดิจิทัลเพื่อพัฒนากลยุทธ์กับเอเจนซี่รับทำ seoของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด